ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 79-80
เฉิงหมิ่นรู้สึกกลัดกลุ้มใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเฉิงอวี๋โม่เรียกนาง เฉิงหมิ่นดึงสติคืนมา เห็นเฉิงอวี๋โม่ในชุดงามหรูหราเหมือนกับนายหญิงน้อยที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองหลวง ยิ้มอย่างภาคภูมิและอ่อนโยนงดงาม “ท่านอาหญิง ท่านคิดอะไรอยู่ คิดจนเพลินเช่นนี้ ข้าเรียกท่านหลายครั้งก็ไม่มีการตอบสนอง”
เฉิงหมิ่นเห็นท่าทางของเฉิงอวี๋โม่แล้ว ความหดหู่อันไร้สาเหตุในใจนั้นก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นนายหญิงรองของจวนกั๋วกง จึงปรับสีหน้าได้ในเวลาไม่นาน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อากำลังคิดถึงพี่รองสวีของเจ้า ปีศาจจอมก่อกวนโลกคนนั้น ไม่ได้สังเกตเรื่องข้างนอก โม่เอ๋อร์เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรหรือ”
เฉิงอวี๋โม่เม้มริมฝีปาก ข้างแก้มปรากฏลักยิ้มเล็กที่น่ารักอันหนึ่งขึ้นมา “ข้ากับท่านแม่กำลังพูดเรื่องงานโคมไฟในเทศกาลซั่งหยวน* เทศกาลซั่งหยวนในเมืองหลวงไม่จำกัดการออกนอกจวนยามวิกาลสามวัน ท่านโหวนานทีจะมีวันหยุด บอกว่าจะพาข้าไปเดินเล่นตามท้องถนน แต่จวนจิ้งหย่งโหวมีลูกหลานน้อย แม่สามีคร้านจะออกจากจวน มีข้าไปดูโคมไฟเพียงคนเดียว คนน้อยไปไม่สนุก ดังนั้นข้าจึงคิดว่าไปกับท่านอาหญิงด้วยดีหรือไม่ เหล่าคุณชายคุณหนูจวนชางกั๋วกงมีมาก หลังจากที่ข้าแต่งเข้าไปในสกุลฮั่วจึงได้รู้ว่าการมีเด็กรุ่นหลังมากเป็นเรื่องที่ครึกครื้นมากเรื่องหนึ่ง ท่านโหวชอบที่จวนชางกั๋วกงมีลูกหลานมากเช่นกัน ดังนั้นพวกเราสองบ้านไปด้วยกัน ท่านอาเห็นว่าเป็นอย่างไร”
เฉิงหมิ่นเริ่มแรกตกใจ จากนั้นก็รู้สึกยินดีมาก ฮั่วฉางยวนตอนนี้มีอำนาจบารมีมาก จวนชางกั๋วกงหลายปีมานี้อยู่ในสภาวะอึดอัด เรื่องทุกอย่างอาศัยพระชายาที่อยู่ในวังหลวงคอยหนุนหลังเอาไว้ จวนชางกั๋วกงก็เคยคิดจะสร้างความสัมพันธ์กับจวนจิ้งหย่งโหวเช่นกัน แต่จนใจที่หาโอกาสเหมาะสมไม่ได้มาตลอด สามารถมีโอกาสนี้ได้ เป็นเรื่องที่ทุกคนในสกุลสวีคาดหวังอยู่แล้ว
เฉิงหมิ่นย่อมต้องรับปากทันที เฉิงอวี๋โม่เป็นหลานสาวของนาง ทางเส้นนี้ได้เฉิงหมิ่นนำไปตรงหน้าสวีเหล่าไท่จวิน ทำให้เฉิงหมิ่นได้หน้ามากอย่างไม่ต้องสงสัย
เฉิงหมิ่นสัมผัสได้ว่าเฉิงอวี๋โม่จงใจทำ อย่างไรเสียเฉิงหมิ่นก็ชอบเฉิงอวี๋จิ่นที่งามสง่ารู้ความมากกว่ามาตลอด เรื่องนี้ปกปิดกันไม่ได้ เฉิงอวี๋โม่พูดเช่นนี้ในตอนนี้มีจุดประสงค์จะชิงความเหนือกว่าเฉิงอวี๋จิ่น บอกเฉิงหมิ่นว่าหลายปีมานี้มองคนผิดไปแล้ว
เฉิงหมิ่นหวังอย่างยิ่งว่าเป็นนางที่คิดผิดไปเอง ใช้จิตใจที่คับแคบของคนร้ายไปวัดความคิดของคนดีจนเข้าใจเฉิงอวี๋โม่ผิด แต่ใครให้ความจริงมีอำนาจเหนือกว่าคนเล่า เฉิงอวี๋โม่ตอนนี้เป็นช่วงที่ถูกผลักดันขึ้นสู่ที่สูง ภรรยาอาศัยสามีเพื่อรุ่งเรือง เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้
เฉิงหมิ่นจำต้องก้มหัวให้กับหลานสาวคนรอง นางเหลือบมองหร่วนซื่อ แล้วถามว่า “สามารถไปชมโคมไฟกับจวนโหวได้ พวกเราย่อมยินดีอย่างยิ่ง แต่โม่เอ๋อร์นานทีจะได้พบหน้าพี่สะใภ้รองสักครั้ง ไม่ไปพร้อมกับพี่สะใภ้รองหรือ”
หร่วนซื่อถอนใจ พูดตอบว่า “เดิมทีข้าเองก็คิดเช่นนี้ แต่ก่อนหน้านี้ท่านแม่พูดไว้แล้วว่าเทศกาลซั่งหยวนนางมีกำหนดการไว้แล้ว ให้ข้าอย่ารับปากผู้ใดส่งเดช โม่เอ๋อร์ตอนนี้อย่างไรเสียก็เป็นคนของสกุลฮั่ว ข้าไม่สะดวกจะขัดความประสงค์ของท่านแม่ ทำได้เพียงไหว้วานน้องหญิงช่วยดูแลโม่เอ๋อร์ด้วย”
เฉิงหมิ่นย่อมรับปากทันที พอพูดถึงเทศกาลซั่งหยวน ความสนใจของพวกสตรีก็เกิดขึ้นทันที เริ่มพูดกันเจ้าหนึ่งคำข้าหนึ่งคำ ไม่เพียงแค่เฉิงหมิ่นกับเฉิงอวี๋โม่ที่เป็นฮูหยินนายหญิงเหล่านี้เท่านั้น สตรีทุกคนในเมืองหลวง ไม่ว่าจะแต่งงานแล้วหรือไม่ จะเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์หรือชาวบ้านทั่วไป ต่างก็เฝ้ารอเทศกาลซั่งหยวนนี้
เทศกาลซั่งหยวนไม่จำกัดการออกนอกจวนยามวิกาลสามวัน ฮ่องเต้กับราษฎรฉลองร่วมกัน ทุกคนออกมาชมโคมไฟตามท้องถนน กฎระเบียบที่เคร่งครัดเป็นพิเศษตามปกติของชายหญิงเวลานี้ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน ไม่มีผ้าคลุมหน้าและไม่มีฉากกั้นทาง บรรดาชายหญิงจับกลุ่มสามคนห้าคน รวมกลุ่มจัดขบวน ระหว่างทางพบหน้ากัน บนใบหน้าต่างมีรอยยิ้ม
ในอีกทางหนึ่ง เทศกาลซั่งหยวนก็คือวันแห่งความรักดีๆ นี่เอง
ตอนวันที่สิบสามสาวใช้ในเรือนก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว รอจนถึงวันที่สิบห้า บรรดาสาวใช้เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่ ท่าทางมีความสุขครึกครื้นอย่างมาก ตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวพยายามแต่งตัวเฉิงอวี๋จิ่นให้เหมือนเทพธิดาอย่างเต็มที่ วันนี้เป็นเวลาที่ปราศจากข้อห้ามอย่างที่หาได้ยากในหนึ่งปี คุณหนูใหญ่ของพวกนางต้องงดงามตะลึงไปทั่ว ได้รับความรักจากท่านเขยในอนาคต จะให้ดีคือต้นฤดูใบไม้ผลิก็หมั้นหมายทันที
เฉิงอวี๋จิ่นกลับไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าใด หลายวันนี้นางลอบรำคาญใจเรื่องจวนไช่กั๋วกงมาตลอด เฉิงหยวนจิ่งบอกว่าเรื่องนี้มอบให้เขาจัดการ จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดอีก เฉิงอวี๋จิ่นกลับไม่สบายใจอย่างยิ่ง นางอยากรู้มากว่าการจัดการที่เฉิงหยวนจิ่งพูดถึงมันเป็นวิธีการจัดการอย่างไรกันแน่
ท่ามกลางความครึกครื้น ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จวนอี๋ชุนโหววันนี้กินอาหารเย็นเร็วขึ้น จากนั้นท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อก็นำสาวใช้และเด็กๆ นั่งรถออกไปชมโคมไฟข้างนอก
บอกว่าเป็นเด็กๆ แท้จริงแล้วเป็นหญิงสาวในจวนสกุลเฉิงที่ยังไม่ได้ออกเรือน เหลือเฉิงอวี๋จิ่นเพียงคนเดียวแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นพอคิดว่าอีกครู่ท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อต้องใช้สองตาจับจ้องนางคนเดียวก็รู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ไม่รู้สึกสนุกแม้แต่น้อย
ทว่าไม่เพียงเท่านี้ พอนางลงรถเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เห็นท่านหญิงชิ่งฝูหันมองไปมา จากนั้นก็โบกมือไปยังที่แห่งหนึ่งด้วยความตื่นเต้นยินดี
เมื่อเฉิงอวี๋จิ่นเห็นสัญลักษณ์บนรถม้าของอีกฝ่ายแล้ว สีหน้าก็เย็นชาขึ้นทันที
จวนไช่กั๋วกงอีกแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก นี่ต้องเป็นฝีมือของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงอย่างแน่นอน
นายหญิงรองตี๋แท้จริงแล้วเห็นรถม้าของจวนอี๋ชุนโหวนานแล้ว แต่นางหันหน้าไปทางอื่น แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ตอนนี้ท่านหญิงชิ่งฝูโบกมือให้นาง นายหญิงรองตี๋จะเลี่ยงต่อไปก็ไม่ได้ จำต้องเดินเข้าไปหา
“นายหญิงใหญ่เฉิง นายหญิงรองเฉิง บังเอิญจริง ได้เจอกันที่นี่ เมื่อครู่คนเยอะ ข้ามองไม่เห็นเลย”
คำพูดของนายหญิงรองตี๋นี้ท่านหญิงชิ่งฝูไม่ได้คิดอะไรมาก เดินเข้าไปพูดคุยอย่างกระตือรือร้น หร่วนซื่อเห็นคนของจวนไช่กั๋วกง ดวงตาก็เปล่งประกาย ตามเข้าไปพูดทักทายทันทีเช่นกัน
มีเพียงเฉิงอวี๋จิ่นที่ยังยืนอยู่ที่เดิม มองกลุ่มคนข้างหน้าอย่างเย็นชา
นายหญิงรองตี๋ปากพูดอย่างยินดี แต่ในใจกลับทอดถอนใจอยู่ตลอด นางช้อนตาขึ้นมองไป เห็นเฉิงอวี๋จิ่นยืนอยู่ไม่ไกลพอดี อยู่ภายใต้แสงไฟทั่วเมือง จ้องมองนางอย่างเงียบๆ
นายหญิงรองตี๋หัวใจเต้นกระตุก จากนั้นนางก็นึกถึงคำกำชับของแม่สามีก่อนออกจากจวนขึ้นมา จึงกลัดกลุ้มยิ่งขึ้น
ตอนที่นางรู้ว่าแม่สามีหมายตาคุณหนูใหญ่ของจวนอี๋ชุนโหว อยากแต่งกลับมาเป็นภรรยาเอกคนใหม่ให้แก่พี่ชายสามี นายหญิงรองตี๋ในใจมีความไม่ดียินดีนับหมื่น ทว่าจวนไช่กั๋วกงอย่างไรก็มีแม่สามีและพี่ชายสามีเป็นเจ้าบ้าน นายหญิงรองตี๋เป็นเพียงสะใภ้รอง ภรรยาของน้องชายไช่กั๋วกงเท่านั้น จะมีสิทธิ์คัดค้านอะไรได้ ทำได้เพียงหน้าเสีย ฟังแม่สามีกับพี่ชายสามีปรึกษากันเรื่องการแต่งภรรยา
ก็แค่แต่งภรรยาเอกคนใหม่ แต่ฟังการเตรียมการของพวกเขาแล้วยังดูยิ่งใหญ่กว่าการแต่งภรรยาเอกคนแรกเสียอีก นายหญิงรองตี๋โกรธไม่เบา เมื่อคิดถึงว่าพอฮูหยินกั๋วกงคนใหม่แต่งเข้ามาแล้ว นางต้องมอบอำนาจในการดูแลจวนกลับคืนไปก็รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง นายหญิงรองตี๋สืบเรื่องคำวิจารณ์ของคุณหนูใหญ่เฉิงเป็นการส่วนตัว ฮูหยินจำนวนมากพอพูดถึงนางต่างชื่นชมกันหมด คำวิจารณ์จะเป็นสง่ากิริยาเหมาะสม ออกหน้าออกตาได้ ฉลาดมีความสามารถทำได้ทุกอย่าง
นายหญิงรองตี๋ฟังแล้วกลัดกลุ้มใจยิ่งขึ้น
นายหญิงรองตี๋เดิมทีคิดว่าให้หญิงสาวคนหนึ่งมาขี่อยู่บนหัว เรื่องนี้ก็แย่มากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะไม่จบเพียงเท่านี้
มีวันหนึ่งพี่ชายสามีกลับมาจากข้างนอก จู่ๆ สีหน้าก็เคร่งเครียดน่ากลัว บรรดาสตรีในจวนต่างพากันตกใจ แม่สามีรีบสอบถามเรื่องราว ตี๋เหยียนหลินก็เพียงแค่ส่ายหน้าไม่ยอมพูดจา ตี๋เหยียนหลินเป็นเหมือนฟ้าของจวนไช่กั๋วกง เขามีสีหน้าผิดปกติ บรรดาสตรีทั้งจวนก็พากันหวาดหวั่นตามไปด้วย
เรื่องราวหลังจากนั้นนายหญิงรองตี๋ก็ไม่รู้กระจ่างนัก รู้เพียงว่าตี๋เหยียนหลินกับแม่สามีคุยกันเป็นการส่วนตัวครู่หนึ่ง หลังจากออกมาแม่สามีก็มีสีหน้าซับซ้อนมาก และหลังจากนั้นแม่สามีก็ให้นายหญิงรองตี๋ออกนอกจวน ฉวยโอกาสในเทศกาลซั่งหยวนที่มีคนมากไม่เป็นที่สะดุดตา ปฏิเสธเรื่องการแต่งงานกับสกุลเฉิงอย่างมีมารยาท
การออกนอกจวนในเทศกาลซั่งหยวนไม่ใช่ปัญหา จวนไช่กั๋วกงเดิมทีก็นัดแนะกับสกุลเฉิงไว้แล้ว แต่ว่าการถอนหมั้นนั้นเข้าใจได้ แต่ ‘อย่างมีมารยาท’ นั้นหมายความว่าอะไร
นายหญิงรองตี๋อมทุกข์ไว้เต็มกลืนจนพูดไม่ออก โดยเฉพาะถูกท่านหญิงชิ่งฝูดึงตัวไว้อย่างกระตือรือร้น พูดคำสนิทสนมต่างๆ ของคนที่จะกำลังจะเป็นครอบครัวเดียวกันเต็มปาก นางก็ยิ่งปวดหัว
นายหญิงรองตี๋ตามท่านหญิงชิ่งฝูไปดูแผงขายโคมไฟห้าหกแผง ในใจท่านหญิงชิ่งฝูมีความรู้สึกตื่นเต้นที่บุตรสาวในนามจะไต่เต้าขึ้นถึงจวนไช่กั๋วกง เวลานี้ยินดีอย่างยิ่ง นายหญิงรองตี๋ในใจคิดเรื่องราวอยู่ จะมีแก่ใจชมโคมไฟได้อย่างไร นายหญิงรองตี๋ใจลอย นางวุ่นวายใจครู่หนึ่งก็ตัดสินใจทันที พูดขึ้นว่า “นายหญิงใหญ่เฉิง ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน”
ท่านหญิงชิ่งฝูมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “นายหญิงรองตี๋ เหตุใดจึงได้ทำท่าเกรงใจเช่นนี้ ท่านมีอะไรก็พูดมาตามตรงได้เลย”
นายหญิงรองตี๋ถอนใจเบาๆ นางกวาดตามองเฉิงอวี๋จิ่นที่เดิมตามข้างหลังแวบหนึ่ง แม้จะไม่ได้พูดชัด ท่านหญิงชิ่งฝูก็เข้าใจแล้ว ท่านหญิงชิ่งฝูกระแอมกลั้วคอ พูดกับเฉิงอวี๋จิ่นว่า “คุณหนูใหญ่ ข้ากับนายหญิงรองตี๋มีเรื่องจะพูดกัน เจ้าไปดูโคมไฟที่แผงข้างๆ ก่อนเถอะ”
เฉิงอวี๋จิ่นกวาดสายตาสงบนิ่งมองท่านหญิงชิ่งฝูกับนายหญิงรองตี๋ พอถูกสายตาเช่นนั้นมอง นายหญิงรองตี๋ก็กลั้นหายใจอย่างไร้สาเหตุ โชคดีที่เฉิงอวี๋จิ่นไม่ได้ถามอะไรมากความ พยักหน้าอย่างเชื่อฟังแล้วหมุนตัวเดินจากไป
นายหญิงรองตี๋ในตอนนี้จึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก อย่างไรเสียเลือกทางใดก็คงมิได้ผลลัพธ์ที่ดี นายหญิงรองตี๋จึงตัดสินใจแน่วแน่ พูดคำของแม่สามีให้ท่านหญิงชิ่งฝูฟัง
ในเวลานี้เฉิงอวี๋จิ่นยืนอยู่หน้าแผงขายโคมไฟอีกแผงฟากตรงข้ามถนน ถึงแม้ดวงตาจะมองโคมไฟ แต่สีหน้าไม่มีความสนุกสนานแม้แต่น้อย
เจ้าของแผงถูกเฉิงอวี๋จิ่นมองจนกลัว เขายิ้มประจบเดินเข้ามาหา แล้วถามว่า “คุณหนูท่านนี้ ท่านหมายตาโคมไฟดวงใดหรือ ข้าน้อยหยิบลงมาให้ท่านดีหรือไม่”
เฉิงอวี๋จิ่นจะชมโคมโฟอยู่ได้อย่างไร นางเข้าใจความหมายของเจ้าของแผง และไม่ยินดีจะยืนอยู่ตรงนี้ขวางการค้าของคนเขา นางนำตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวเดินไปไม่กี่ก้าวก็มีเสียงทักอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งดังมาจากด้านข้างในทันใด “คุณหนูใหญ่เฉิง?”
เฉิงอวี๋จิ่นหยุดชะงัก เอี้ยวตัวหันหน้ามา อีกฝ่ายเห็นท่าทีของเฉิงอวี๋จิ่นก็เบียดเปิดทางกลุ่มคนเดินมาหาอย่างตื่นเต้นยินดี “เป็นเจ้าจริงๆ ข้ายังคิดว่าข้ามองผิดไป”
เฉิงอวี๋จิ่นตะลึงอยู่นาน พูดได้ไม่ชัดเจนว่านี่เป็นลิขิตสวรรค์หรือการกระทำของคน
“อาลักษณ์…หลิน?”
* บุปผาในคันฉ่อง จันทราในวารี อุปมาถึงสิ่งที่เป็นภาพมายา ไม่เที่ยงแท้
* เทศกาลซั่งหยวน เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของเทศกาลหยวนเซียว ตรงกับวันที่สิบห้าเดือนหนึ่งตามจันทรคติจีน ซึ่งเป็นคืนแรกของปีที่พระจันทร์เต็มดวง คนในครอบครัวจึงมาชมจันทร์กันพร้อมหน้า กินขนมบัวลอยซึ่งแสดงถึงความกลมเกลียว ภายหลังจัดเป็นงานฉลองยิ่งใหญ่ต่อเนื่องจากเทศกาลตรุษจีน มีประเพณีประดับโคมไฟ จึงเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลโคมไฟ โดยมากชื่อเทศกาลซั่งหยวนมักใช้ในบริบทของพิธีทางการ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.