ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 81-82
ทว่าคำพูดของขันทีในวังหลวงคล้ายสาดน้ำเย็นหนึ่งอ่างรดหัวของตี๋เหยียนหลินอย่างไม่ปรานี ทั้งที่เป็นการพบหน้าที่เขาเตรียมการไว้ แต่สุดท้ายกลับเป็นเขาที่ไม่กล้าปรากฏตัวราวกับหนูที่ต่ำต้อยน่าขัน กล้าเพียงซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนลอบมองสภาพการณ์ของสกุลเฉิง
หลังจากสอดส่องสายตาอีกครั้งจนมองเห็นเงาร่างของนาง ทุกอย่างเป็นไปตามความคิดของตี๋เหยียนหลิน เฉิงอวี๋จิ่นงดงามสะดุดตา งดงามจนทำให้คนไม่อาจเลื่อนสายตาหนีได้ แต่ตี๋เหยียนหลินคาดไม่ถึงว่าเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะไปพบหน้าเฉิงอวี๋จิ่น
ตี๋เหยียนหลินทำได้เพียงมองเฉิงอวี๋จิ่นนำสาวใช้ไปชมโคมไฟ นางหยุดตรงหน้าแผงเล็กแผงหนึ่งอยู่นานโดยไม่ได้ซื้ออะไรเลย บนถนนมีคนมากมายมองนางอยู่ เฉิงอวี๋จิ่นกลับไม่สังเกตเห็น สุดท้ายชายคนหนึ่งเดินเบียดกลุ่มคนด้วยความตื่นเต้นยินดีไปถึงข้างกายนาง ทั้งสองพูดคุยอะไรกันบางอย่างแล้วเฉิงอวี๋จิ่นก็หายไป
ตี๋เหยียนหลินเดาได้ไม่ยาก เกรงว่าชายผู้นี้คงจะเดินนำเฉิงอวี๋จิ่นไปชมโคมไฟแล้ว
เขาโกรธ เคียดแค้น และมีความริษยาที่ไม่กล้าแสดงออกผสมผสาน ทว่าสุดท้ายตี๋เหยียนหลินทำได้เพียงออกแรงหักคันไม้โคมไฟในมือ หมุนตัวเดินจากไปด้วยความโกรธ
เช่นเดียวกับตอนที่มา ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครสนใจ
นายหญิงรองตี๋ไม่รู้ว่าพี่ชายสามีของนางเมื่อครู่มาดูอย่างห่างๆ
ตี๋เหยียนหลินไม่สบายใจ นายหญิงรองตี๋เวลานี้ก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน
จวนไช่กั๋วกงเป็นคนเสนอจะแต่งออกมาก่อน ปรากฏว่าผ่านไปไม่นานเท่าใด ครอบครัวพวกเขากลับพูดว่าทั้งหมดเป็นความเข้าใจผิด ขอให้จวนอี๋ชุนโหวเป็นผู้ใหญ่มีใจกว้าง ถือเสียว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
เป็นผู้ใหญ่มีใจกว้างบ้าบออันใด ท่านหญิงชิ่งฝูจะทนรับการดูหมิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร
นายหญิงรองตี๋อมทุกข์ไว้เต็มกลืน ทั้งไม่กล้าล่วงเกินสกุลเฉิง ทำได้เพียงโอนอ่อนพูดคำดีไม่หยุด ท่านหญิงชิ่งฝูถูกการกระทำนี้ของสกุลตี๋ทำให้งุนงง บอกว่าจะถอนหมั้น แต่สกุลตี๋กลับมีท่าทีเกรงใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นพูดอย่างประจบเอาใจ แต่จะบอกให้เป็นสหายที่ดีกันต่อไป นายหญิงรองตี๋ก็กลับเอาแต่พูดว่าไม่กล้าอาจเอื้อม ราวกับว่าแสดงท่าทีช้าไปจะมีภัยร้ายอะไรเกิดขึ้น
นี่มันอยู่ในสถานการณ์อะไรกันแน่
ท่านหญิงชิ่งฝูกับนายหญิงรองตี๋สนทนากันไม่จบสิ้น พวกนางล้วนไม่ได้สังเกตว่าเฉิงอวี๋จิ่นหายตัวไปแล้ว
เฉิงอวี๋จิ่นตามหลินชิงหย่วนไปทายปริศนาโคมไฟ หลินชิงหย่วนอย่างไรเสียก็มาจากตระกูลบัณฑิต เป็นถึงจ้วงหยวน ตลอดทางที่เดินนำช่างเจรจาอย่างมาก เฉิงอวี๋จิ่นฟังแล้วก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เผยรอยยิ้มที่แท้จริงออกมา
หน้าแผงโคมไฟแผงหนึ่งมีคนล้อมอยู่จำนวนมาก แผงนี้โคมไฟทั้งใหญ่และสวยงาม เห็นได้ชัดว่าราคาไม่เบาเลย ข้างหน้ายังขึงเชือกไว้เส้นหนึ่ง บนนั้นมีโคมไฟห้อยไว้เต็ม บนโคมไฟแต่ละดวงล้วนมีปริศนาอยู่ ทายถูกก็เอาโคมไฟไปได้ เจ้าของแผงตั้งแผงยิ่งใหญ่เช่นนี้ย่อมไม่ยอมขาดทุนเสียเปล่า ปริศนาโคมไฟแต่ละข้อล้วนยากมาก หากเดาไม่ออกสามารถไปซื้อโคมไฟบนแผงได้เลย
เฉิงอวี๋จิ่นรู้สึกชื่นชมกับความชาญฉลาดในการทำการค้าของชาวเมือง เดิมทีนางคิดว่าตาไม่เห็นไม่วุ่นวายใจ อยู่ให้ห่างจากพวกท่านหญิงชิ่งฝูสักหน่อย ทว่าตอนนี้เห็นปริศนาโคมไฟมากมาย นางก็เกิดนึกสนุกขึ้นมา คิดพิจารณาอย่างละเอียดไปทีละข้อ
นางดูไปพลางแลกเปลี่ยนความคิดกับหลินชิงหย่วน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข เฉิงอวี๋จิ่นรู้สึกผ่อนคลายขึ้นทุกที หลินชิงหย่วนเล่าตำนานเรื่องหนึ่ง นางก็ถูกเย้าจนหลุดหัวเราะออกมา หางตาหางคิ้วล้วนมีรอยยิ้ม
หลิวอี้ยืนอยู่ในมุมเงียบสงบ รู้สึกว่าลมในคืนนี้หนาวยะเยือกขึ้นทุกที เขาลูบแขนเงียบๆ ท่ามกลางสายตาขอความช่วยเหลือของทุกคน จำใจเดินเข้าไปหนึ่งก้าว ถามอย่างระมัดระวังว่า “องค์รัชทายาท ทางฝ่าบาทยังทรงรออยู่นะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ว่า…”
เฉิงหยวนจิ่งยืนมือไพล่หลัง มีแม่น้ำกั้นกลางหนึ่งสาย มองดูเหตุการณ์บนฝั่งตรงข้ามโดยไม่พูดอะไร
ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำตั้งเพิงใหญ่มากไว้เพิงหนึ่ง ตอนนี้มีคนจำนวนมากห้อมล้อมเพื่อทายปริศนาโคมไฟ หลิวอี้อยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสีย ทั้งที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เหตุใดเขาต้องปากเปราะชี้ไปที่เพิงโคมไฟให้องค์รัชทายาทดูความคึกคักด้วย
ตอนนี้ดีเลย เขาจะกลายเป็นความคึกคักแล้ว หลิวอี้ในเวลานี้รู้สึกว่าศีรษะของตนเองไม่ปลอดภัย วันนี้จันทราเต็มดวงเป็นครั้งแรกของปี ฮ่องเต้ร่วมสนุกกับราษฎร ขึ้นไปบนหอไฟเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวเมือง แน่นอนที่บอกว่าร่วมสนุกกับราษฎรเป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น สาเหตุที่สำคัญไปกว่านั้นอยู่ที่ฮ่องเต้อยากฉวยโอกาสที่วันนี้มีคนมากหน้าหลายตาลอบพบเฉิงหยวนจิ่งสักครั้ง
เฉิงหยวนจิ่งกับพวกหลิวอี้อยู่ระหว่างทางจะไปพบฮ่องเต้ แต่โชคไม่ดีที่เห็นเรื่องที่ไม่ควรเห็นบางอย่างเข้าพอดี และความวุ่นวายเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลิวอี้ชี้ให้เห็นเองอีกด้วย
หลิวอี้รู้สึกเสียใจภายหลังจนไส้แทบขาดแล้ว สวรรค์เป็นพยานได้ ตอนแรกเขาเพียงอยากจะประจบเอาใจผู้เป็นนายเท่านั้นจริงๆ ราษฎรทั้งหลายอยู่เย็นเป็นสุข เพราะผู้เป็นนายดูแลแผ่นดินได้ดีมิใช่หรือ ใครจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่เฉิงจะมาทายปริศนาโคมไฟอยู่ใต้เพิงขายโคมไฟแห่งนั้นเช่นกัน
เฉิงหยวนจิ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง ปรับสภาพอารมณ์ ตัดสินใจจะไปพบฮ่องเต้ก่อนแล้วค่อยจัดการเรื่องของเฉิงอวี๋จิ่น เขาหมุนตัวกลับ บนใบหน้าไม่แสดงอาการใด แต่บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกจนน่าตกใจ พวกหลิวอี้ตอนแรกวางใจ แต่จากนั้นก็กังวลใจมากขึ้น ก้มหน้าลงต่ำ แสร้งทำเป็นคนใบ้หูหนวก เดินตามหลังผู้เป็นนายอย่างเงียบๆ
พวกเขาเดินอย่างหวาดหวั่นไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังอื้ออึงทางด้านหลัง หลิวอี้เดิมทีไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เทศกาลซั่งหยวนผู้คนมากมายอย่างนี้ ทุกปีต้องเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นบ้าง แต่เสียงอื้ออึงดังขึ้นทุกที ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นน่าตกใจ
เฉิงหยวนจิ่งหันหน้ามา พบว่าจุดที่เสียงดังขึ้นมาเป็นทิศทางที่เฉิงอวี๋จิ่นอยู่เมื่อครู่ เขาสีหน้าเคร่งเครียด รีบย้อนกลับไปด้านหลังทันที