เฉิงอวี๋จิ่นชำนาญการวางแผน ทำอะไรต้องคำนวณล่วงหน้าสามก้าว แต่ตอนตัดสินใจในเวลาสำคัญกลับรวดเร็วมาก เพียงพริบตาเฉิงอวี๋จิ่นก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางเหยียบลงบนชั้นน้ำแข็งทันที วิ่งไปกลางแม่น้ำอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็พยายามพูดเตือนเด็กคนนั้นว่าบนแม่น้ำอันตราย อย่าเดินไปไกล ให้รีบกลับมา
ทว่าเทศกาลซั่งหยวนเสียงดังอึกทึก คนบนริมฝั่งไม่ได้สนใจคำพูดของเฉิงอวี๋จิ่น เด็กที่อยู่กลางแม่น้ำยิ่งฟังไม่ได้ยิน เฉิงอวี๋จิ่นได้แต่มองเด็กคนนั้นวิ่งไปอีกหลายก้าว กระโดดโลดเต้นอยู่บนชั้นน้ำแข็ง เฉิงอวี๋จิ่นเห็นแล้วรู้สึกตระหนกจนใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบตะโกนพูดว่า “อย่าขยับ!”
ในเวลานี้คนที่เดินอยู่สองฟากสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว พวกเขาเห็นสตรีนางหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาว ดูการแต่งกายแล้วงามสง่าอย่างมาก ความผิดปกติของเฉิงอวี๋จิ่นดึงดูดความสนใจจากคนจำนวนมาก จากนั้นก็มีคนเห็นความผิดปกติบนผิวน้ำแล้ว
“ตายล่ะ น้ำแข็งกลางแม่น้ำยังไม่แข็งตัว จะแตกแล้ว!”
คนที่หยุดยืนชี้ไม้ชี้มือไปบนผิวแม่น้ำมีจำนวนมากขึ้นทุกที เด็กคนนั้นสุดท้ายก็รับรู้ถึงความผิดปกติ เขาก้มหน้าเห็นรอยแตกเป็นลายเส้นน่าอันตรายบนผิวน้ำแข็งก็ตกใจไม่น้อย ร้องไห้วิ่งกลับหลังในทันที
แม้จะเป็นเด็กเล็กคนหนึ่ง แต่แรงกดจากการเหยียบบนชั้นน้ำแข็งอย่างเต็มที่นั้นก็ไม่เบาเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาอยู่ภายใต้ความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ย่อมมีอาการล้มลุกคลุกคลาน เฉิงอวี๋จิ่นได้แต่มองดูรอยน้ำแข็งแตกออกราวกับใยแมงมุม จากการเคลื่อนไหวของเด็กน้อยทำให้สามารถเห็นได้ด้วยตาว่าชั้นน้ำแข็งเปราะบางขึ้นทุกที
เฉิงอวี๋จิ่นในใจบีบรัด รู้ว่าตนทำผิดพลาด เมื่อครู่นางวิ่งลงมาเพราะร้อนใจไปชั่วขณะ แต่การช่วยคนตกน้ำในฤดูหนาวกับฤดูร้อนไม่เหมือนกันเลย คนที่ช่วยจะให้ดีอย่าลงมาดีกว่า แต่ให้หาไม้ไผ่ยาวมาลากตัวคน ไม่เช่นนั้นการเหยียบชั้นน้ำแข็งแตกมากขึ้นอาจจะทำให้ทั้งสองคนเป็นอันตรายได้มาก
แต่เรื่องมาถึงตอนนี้ นางไม่มีหนทางถอยกลับแล้ว หากย้อนกลับทางเดิม น้ำแข็งที่ถูกนางเหยียบมาครั้งหนึ่งรับแรงกดเป็นครั้งที่สอง ใครจะรู้ว่ามันจะแตกได้เร็วขึ้นหรือไม่ ที่สำคัญก็คือภายใต้สายตาของคนมากมายหากนางถอยกลับ คนที่มุงดูไม่สนใจหรอกว่านี่เป็นการช่วยเหลือที่ดีกว่าหรือไม่ พวกเขาจะคิดเพียงว่าเฉิงอวี๋จิ่นรักตัวกลัวตาย
ในเวลานี้เองมีเสียงดังแกร๊กรางๆ มาเข้าหู ชั้นน้ำแข็งที่เปราะบางภายใต้การออกแรงเหยียบของเด็กก็แตกออก เด็กน้อยตกลงไปในหลุมน้ำแข็งทันที ถูกน้ำเย็นเยือกทำให้รู้สึกหนาวสั่นอย่างรุนแรง
เฉิงอวี๋จิ่นตัดสินใจกระโดดลงน้ำแทบจะพร้อมกัน น้ำในฤดูหนาวเย็นจับขั้วหัวใจมาก ตอนที่ร่างกายลงสู่น้ำเย็น เฉิงอวี๋จิ่นก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง มีชั่วขณะที่สูญเสียการควบคุมร่างกายไป นางพยายามจะไปดึงตัวเด็กคนนั้น แต่พบว่าเสื้อคลุมกันลมของตนดูดน้ำแล้วมีแรงต้านมาก นางจึงคลายเชือกผูกด้วยมือที่สั่นเทา แล้วว่ายไปทางเด็กคนนั้นอย่างเต็มกำลัง
โชคดีที่ช่องน้ำแข็งที่แตกออกในตอนนี้ไม่ใหญ่มาก เด็กน้อยถูกน้ำเย็นปะทะ แทบจะสูญเสียความสามารถในการตอบสนองไปแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นดึงตัวเขาเอาไว้ อยากจะหาแผ่นน้ำแข็งที่แข็งแรงเพื่อขึ้นฝั่ง ทว่าชั้นน้ำแข็งกลางแม่น้ำล้วนเป็นน้ำแข็งแผ่นบาง เฉิงอวี๋จิ่นหาชั้นน้ำแข็งที่สามารถแบกรับน้ำหนักคนสองคนไม่ได้เสียที และนางยังต้องลากเด็กคนหนึ่งมาอีกด้วย กำลังกายจึงหายไปอย่างรวดเร็ว
เฉิงอวี๋จิ่นรู้ในทันทีว่าจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ตกน้ำฤดูหนาวไม่เหมือนกับในฤดูร้อน หากเป็นฤดูร้อน ขอเพียงมีคนมาก ต้องช่วยขึ้นมาได้แน่นอน แต่ฤดูหนาวน้ำเย็นเฉียบ หากกำลังกายของนางหมดลง ไม่สามารถลอยตัวเหนือน้ำได้แล้วจมลงไป เช่นนั้นก็จบสิ้นกัน ชั้นน้ำแข็งคลุมผิวน้ำทั้งหมดไว้ หากนางตกลงไปแต่หาช่องว่างลอยตัวขึ้นมาไม่ได้ จะต้องถูกทำให้แข็งตายทั้งเป็น คนบนฝั่งมีชั้นน้ำแข็งกั้น ต่อให้อยากช่วยนาง เกรงว่าคงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
เฉิงอวี๋จิ่นจำต้องลองปล่อยตัวเด็กก่อน เด็กตัวเบากว่านาง นอนหมอบบนชั้นน้ำแข็งได้มั่นคงกว่านาง เฉิงอวี๋จิ่นเจอก้อนน้ำแข็งที่ไม่โปร่งใสมากนักก้อนหนึ่ง ให้เด็กใช้สองแขนกดยันบนก้อนน้ำแข็ง พยายามปีนขึ้นไป นางช่วยวางตัวเขาไว้บนผิวน้ำแข็งเช่นกัน
ทว่าเพียงแค่ทำเช่นนี้ น้ำแข็งก้อนนี้ก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นรางๆ แล้ว ทั้งสองคนอ่อนกำลังมากเต็มที ในเวลานี้ทุกคนริมแม่น้ำถูกเหตุไม่คาดฝันนี้ดึงดูดมาหมด ตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวอยากจะลงน้ำไปช่วยเฉิงอวี๋จิ่น แต่ถูกหลินชิงหย่วนห้ามไว้ หลินชิงหย่วนมีบ้านเกิดอยู่ที่จี่หนาน เคยเห็นโศกนาฏกรรมคนตกน้ำในฤดูหนาว เขารู้ว่าต้องช่วยคนอย่างไร ดังนั้นจึงดึงสาวใช้ทั้งสองไม่ให้พวกนางลงไปบนน้ำแข็ง จากนั้นก็ดึงไม้ไผ่ยาวลำหนึ่งออกมาจากแผงขายของ กำกับให้ทุกคนเอาไปพาดช่วยสองคนกลางแม่น้ำ
ครอบครัวของเด็กน้อยรุดมาถึงแล้วเช่นกัน มารดาของเด็กชายเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกใจจนเข่าอ่อน แทบจะคุกเข่าลงบนผิวน้ำ ญาติมิตรเพื่อนบ้านรีบเลียนแบบการกระทำของหลินชิงหย่วน ดึงไม้ไผ่ยาวออกมาจากแผงขายโคมไฟ เป็นหลักให้เด็กน้อยคลานกลับมา รอจนคลานมาถึงพื้นที่แข็งแรงแล้ว พวกผู้ใหญ่จึงกรูกันลงไปช่วยกันอุ้มตัวเด็กขึ้นมา