บทที่ 85
เฉิงหยวนจิ่งเช็ดน้ำตาของนางพลางถอนหายใจอย่างจนใจ “ข้าไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน ต่อให้เจ้าทำเพื่อเปลี่ยนเรื่องก็อย่าหาเรื่องมาใส่ตัวข้า”
น้ำตาของเฉิงอวี๋จิ่นยังหยดแหมะๆ ไม่หยุด นางไม่มองหน้าเขาเลย
เฉิงหยวนจิ่งพอเข้าใจบ้างแล้วว่าเหตุใดจึงพูดว่าบุตรสาวเลี้ยงยาก ขอเพียงจับจุดอ่อนของเขาได้ ลองหนึ่งครั้งสำเร็จหนึ่งครั้งจริงๆ ต่อให้เฉิงหยวนจิ่งรู้ว่าเฉิงอวี๋จิ่นทำเช่นนี้เพื่อแสดงความอ่อนแอ เปลี่ยนรับเป็นรุก แต่เขาเห็นน้ำตาของนางแล้วยังคงจนปัญญา
ทั้งที่รู้ว่าเป็นลูกไม้เก่าๆ แต่ใครให้มันใช้ประโยชน์ได้เล่า
“องค์รัชทายาทมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา ย่อมไม่รู้สึกว่าคนทั่วไปมีความยากลำบากอะไรนัก ยังตรัสอย่างไม่รู้ความรอบด้านอีก”
เฉิงหยวนจิ่งเลิกคิ้ว นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลเลย ผู้ใดบอกว่าเขาไม่รู้ความยากลำบากของราษฎร แต่เฉิงอวี๋จิ่นตอนนี้อารมณ์อ่อนไหว เฉิงหยวนจิ่งไม่สนใจความผิดอะไร รับปากในทันที “ได้ เป็นข้าที่ใส่ร้ายเจ้า อย่าเพิ่งร้องไห้ เจ้ายังป่วยอยู่ ระวังจะเจ็บคอ”
เฉิงอวี๋จิ่นเมื่อครู่อารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นหัว ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บช้ำใจเป็นพิเศษ ผู้อื่นเค้นถามนางก็ช่างเถอะ เฉิงหยวนจิ่งจะเค้นถามนางได้อย่างไร ตอนนี้ความรู้สึกรุนแรงนั้นผ่านไปแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นย้อนคิดเรื่องเมื่อครู่ จึงรู้สึกเก้อเขินอย่างมาก
เฉิงอวี๋จิ่นหลายปีมานี้ผ่านมาไม่ง่ายเลย แต่ชีวิตคนบนโลกนี้ใครบ้างที่มีชีวิตง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าตนเองพยายามมากเพียงใด เพราะบนโลกนี้ทุกคนที่มีชื่อต่างพยายามกันอย่างมาก
นางระบายอารมณ์เหล่านี้ให้แก่เฉิงหยวนจิ่ง แท้จริงแล้วไม่มีเหตุผลมากมายอะไร เรื่องเหล่านี้จะเกี่ยวอะไรกับเฉิงหยวนจิ่ง ปัญหาคือเฉิงอวี๋จิ่นไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองจึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้อย่างฉับพลัน เหมือนว่าเพราะเฉิงหยวนจิ่งบอกว่านางไม่เลือกวิธีเพียงเพื่อต้องการแต่งงาน นางเกิดความเจ็บช้ำใจทนรับไม่ไหวขึ้นมาทันใด
เฉิงหยวนจิ่งถูกนางใส่ความครั้งใหญ่ แต่เขาไม่โกรธแม้แต่น้อย ยังคงตามใจนางอย่างอารมณ์ดี แม้แต่เฉิงอวี๋จิ่นที่มีหนังหน้าหนาเช่นนี้ยังรู้สึกขัดเขิน
เฉิงหยวนจิ่งเห็นนางค่อยๆ ลดเสียงลง เห็นได้ชัดว่าสงบสติลงได้แล้ว จึงพูดทอดถอนใจว่า “ร้องไห้ออกมาก็ดี คำพูดเหล่านี้คิดว่าคงสะสมในใจเจ้านานมาก พูดออกมาดีกว่าเก็บกดไว้ในใจตลอด”
เฉิงหยวนจิ่งรู้แก่ใจดีว่าหากไม่ใช่วันนี้เฉิงอวี๋จิ่นป่วย ร่างกายอ่อนแอ อารมณ์เปราะบาง นางย่อมไม่มีทางพูดคำเหล่านี้ให้เขาฟังเด็ดขาด ระหว่างผู้ที่จะเป็นสามีภรรยากันที่สำคัญที่สุดก็คือการสื่อสารกัน ด้วยนิสัยของเฉิงอวี๋จิ่น ในสิบประโยคมีเก้าประโยคที่เป็นคำพูดตามมารยาท ตอนนี้บังเอิญได้รู้ว่านางคิดอย่างไร นางมีความเจ็บช้ำใจอันใดบ้างก็ถือว่าลองผิดลองถูก แต่ได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน
อย่างน้อยตอนนี้เฉิงหยวนจิ่งก็รู้แล้วว่าเฉิงอวี๋จิ่นไม่ได้ชอบหลินชิงหย่วนมากนัก ทุกอย่างที่นางทำล้วนวางแผนเพื่อตนเอง หลังจากรู้เรื่องนี้แล้วเฉิงหยวนจิ่งก็สบายใจ ถึงขั้นที่ไฟโทสะเมื่อครู่ก็จางหายไปโดยไม่รู้ตัว เฉิงหยวนจิ่งพูดว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเลือกหลินชิงหย่วน เพราะเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในขอบเขตความสามารถของเจ้า ถ้ามีคนที่ดีกว่าขึ้นมา เจ้าจะทำอย่างไร”
คำพูดประโยคนี้ใบ้คำชัดเจนเกินไปแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นคิดวนในใจ ไตร่ตรองแล้วจึงพูดว่า “สิ่งดีใต้หล้านี้มีไม่จำกัด สิ่งที่ได้มาอยู่ในมือจึงจะเป็นของตนเอง”
ดวงตาเฉิงอวี๋จิ่นชำเลืองมองเฉิงหยวนจิ่งอยู่ตลอด เห็นเขาไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร จึงรวบรวมความกล้าพูดต่อไปว่า “อย่างเช่นครอบครัวสกุลเฉิง หม่อมฉันเคยได้ยินว่าท่านพ่อมีอนุภรรยาคนหนึ่ง รูปงามเชื่อฟังดีมาก เป็นบุตรสาวของพ่อค้าเมืองจินหลิง จากบุตรสาวพ่อค้ากลายมาเป็นอนุภรรยาจวนโหว ตามหลักการในโลกคือนางได้เจอโชคใหญ่ แต่หลังจากนางมาถึงจวนสกุลเฉิง ไม่รู้จักมารยาทจวนโหว กฎระเบียบที่แฝงอยู่ในเรือนส่วนในก็ไม่เข้าใจ หลังจากท่านพ่อของหม่อมฉันสนุกกับความแปลกใหม่ได้ไม่กี่เดือน นางก็ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว ตอนนางเป็นที่ชื่นชอบอวดอ้างตัวอย่างมาก ต่อมาตกมาอยู่ในมือท่านแม่ของหม่อมฉัน ไม่ต้องให้ท่านแม่ลงมือ อนุภรรยาคนอื่นก็สั่งสอนนางไปมากแล้ว หม่อมฉันลอบได้ยินมาว่านางตั้งครรภ์ แต่ไม่ถึงสองเดือนร่างกายก็อ่อนแอจนเสียลูกไป”
เฉิงอวี๋จิ่นแกล้งพูดอย่างไม่ตั้งใจมาก “ดังนั้นถ้าจะให้หม่อมฉันพูด จวนโหวสำหรับพ่อค้าแล้วย่อมเป็นสิ่งดี แต่สิ่งดีเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในมือนาง แต่เป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น ลูกของนางไม่ระวังแท้งไปแล้ว น่าเสียดายมาก แต่แม้นางจะคลอดออกมา เกรงว่านางก็คงไม่อาจเป็นคนเลี้ยงเอง สุดท้ายลูกไม่เรียกนางว่าท่านแม่ วันหน้าไม่เลี้ยงดูนางยามแก่ชรา ลูกสะใภ้ก็ไม่ยินยอมรับนางเป็นแม่สามี ผลลัพธ์ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เริ่มแล้ว ไม่ว่าระหว่างทางนางพยายามต่อสู้มากเพียงใด จะไปมีประโยชน์อะไร สู้การแต่งงานกับตระกูลที่เหมาะสมกันไม่ได้ ทุกอย่างสามารถตัดสินใจเองได้ ยอมเป็นภรรยาเอกตระกูลต้อยต่ำ แต่ไม่ขอเป็นอนุภรรยาในตระกูลสูงศักดิ์คำพูดนี้อย่างไรก็มีเหตุผล”
เฉิงอวี๋จิ่นพูดจบก็ลอบมองอาการตอบสนองของเฉิงหยวนจิ่ง เฉิงหยวนจิ่งฟังจบแล้วไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ผ่านไปครู่หนึ่งเขามองเฉิงอวี๋จิ่นแวบหนึ่ง สีหน้าควรค่าแก่การพิจารณาอย่างมาก