ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 85
เฉิงอวี๋จิ่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันใด นางจำได้ว่าตอนเฉิงหยวนจิ่งเพิ่งมาถึงก็เปลี่ยนเป็นชุดที่จะออกนอกเรือนพักแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นเห็นเขาไม่รีบร้อนแม้แต่น้อย ยังนั่งลงมาพูดคุยกับนางอยู่นาน จึงคิดว่าเฉิงหยวนจิ่งจะออกนอกเรือนพักไปพบสหาย เสียเวลาเล็กน้อยไม่เป็นไร แต่ว่าคนที่เขาจะไปพบคือฮ่องเต้หรือ
เฉิงอวี๋จิ่นหน้าซีด นางทำให้ฮ่องเต้เสียเวลาหรือ ยังร้องไห้โวยวายปล่อยให้ฮ่องเต้รอนานมากเพียงนี้
เฉิงอวี๋จิ่นหน้าประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวซีด อยากให้เฉิงหยวนจิ่งรีบออกไป จะจำได้อย่างไรว่าเมื่อครู่ตนเองคิดพูดอะไร
“ท่านอาเก้า ข้าไม่รู้ว่ายังมีคนรอท่านอยู่ เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ ท่านรีบไปเถอะ”
เฉิงหยวนจิ่งอารมณ์ฉุนเฉียวมาก ใกล้จะเปิดอกพูดกันได้อยู่แล้ว ตอนใดไม่มากลับเลือกมาในเวลานี้ เขาหันหน้ามา เห็นเฉิงอวี๋จิ่นสีหน้าร้อนใจ อยากจะผลักเขาออกประตูไปเลยด้วยซ้ำ
เจ้าเด็กไร้หัวใจ
เฉิงหยวนจิ่งถอนหายใจโดยไร้สุ้มเสียง จำต้องยืนขึ้นเดินไปข้างนอก หลิวอี้เห็นเฉิงหยวนจิ่งออกมาก็ถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง
ทว่าหลิวอี้ยังไม่ทันกลืนลมหายใจนี้ลงไปก็เห็นผู้เป็นนายที่อยู่ข้างหน้าชะงักฝีเท้าอีกครั้ง หันหน้ามาพูดกับคนข้างหลังว่า “ข้าไปครู่หนึ่งก็กลับมา รอข้ากลับมาค่อยพูดเรื่องเมื่อครู่กับเจ้าต่อ”
เฉิงอวี๋จิ่นหยุดอยู่ตรงประตูใช้สายตาส่งเฉิงหยวนจิ่งจากไป เฉิงหยวนจิ่งกลับหยุดลงทันใด เฉิงอวี๋จิ่นตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากดึงสติคืนมาได้จึงรีบตอบทันที “เจ้าค่ะ”
เฉิงหยวนจิ่งก็รู้ว่าตนเองควรจะไปแล้ว เขามองหน้าเฉิงอวี๋จิ่นราวกับไม่วางใจอย่างมาก “ทางสกุลเฉิงข้าส่งคนไปแจ้งข่าวแล้ว ระยะนี้เจ้าไม่ต้องย้ายกลับไป พักฟื้นรักษาตัวอยู่ที่นี่ให้สบายใจเถอะ”
เฉิงหยวนจิ่งส่งคนไปแจ้งที่จวนสกุลเฉิงแล้ว เฉิงอวี๋จิ่นจะทำอะไรได้อีก ทำได้เพียงพยักหน้า “เจ้าค่ะ”
ฮ่องเต้นับจากขึ้นครองราชย์มาไม่ได้ลิ้มรสการรอคนมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะเมื่อวานรออยู่นานมาก อีกฝ่ายเดินมาถึงครึ่งทางก็ย้อนกลับไป แม้แต่วันนี้ก็เป็นฮ่องเต้ส่งคนไปเร่งอยู่หลายครั้ง จึงได้รับข่าวจากขันทีว่าองค์รัชทายาทออกจากเรือนพักส่วนตัวแล้ว
ฮ่องเต้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ คนที่ไม่รู้เรื่องยังคิดว่าเขามาขอพบเฉิงหยวนจิ่ง ฮ่องเต้ทราบการเดินทางของเฉิงหยวนจิ่งจากขันทีแล้ว เขาคำนวณเวลาพอสมควร จึงได้หาข้ออ้างเปลี่ยนชุด เดินออกมาจากหอไจซิง
หลังจากฮ่องเต้ออกไปแล้ว หยางฮองเฮาที่เดิมทีตั้งใจชมโคมไฟก็เลื่อนสายตามาทันใด นางมองดูทางที่ฮ่องเต้เดินจากไป คิ้วเรียวยาวค่อยๆ ขมวดขึ้น
ไม่เพียงแต่หยางฮองเฮา เหล่าสนมชายาที่ตามเสด็จมาชมโคมไฟต่างรู้ว่าฮ่องเต้ไม่อยู่แล้ว เมื่อวานฮ่องเต้ก็หายตัวไปอย่างไร้สาเหตุอยู่ช่วงหนึ่ง วันนี้ยังเพิ่มกำหนดการจะออกจากวังไปชมโคมไฟอีก คืนนี้แม้ว่าฮ่องเต้จะพูดคุยหัวเราะกับคนอื่นอย่างไร้ความผิดปกติ แต่เหล่าสนมชายาในที่นั้นซึ่งสามารถเอาชนะหญิงงามมากมายในตำหนักในได้ ทุกคนล้วนเป็นคนฉลาด พวกนางสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าฮ่องเต้เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ตอนนี้ฮ่องเต้ได้ยินขันทีกระซิบไม่กี่ประโยค ผ่านไปไม่นานก็หาข้ออ้างจากไป เหตุการณ์ก่อนหลังเชื่อมโยงกัน ทำให้ฮองเฮากับเหล่าสนมชายาอดคิดมากไม่ได้
ทว่าพวกนางไม่มีทางคิดไปถึงเรื่ององค์รัชทายาท องค์รัชทายาทหายสาบสูญไปสิบกว่าปีแล้ว ทั้งราชสำนักและตำหนักในต่างคิดกันว่าองค์รัชทายาทตายแล้ว ต่อให้เหล่าสนมชายาฉลาดเพียงใดก็คิดไม่ถึงในขั้นนี้ เหล่าสนมชายา รวมถึงหยางฮองเฮาต่างสงสัยว่าฮ่องเต้หมายตาหญิงสาวชาวบ้านคนใดเข้า สองวันนี้จึงฉวยโอกาสขลุกอยู่กับดอกไม้ป่า
หยางฮองเฮาสีหน้าเคร่งเครียด ถึงแม้โคมไฟที่คนถวายให้ยังคงงดงาม คณะกายกรรมยังคงแสดงได้ยอดเยี่ยม แต่บนใบหน้าหยางฮองเฮาไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป หยางฮองเฮายังเป็นเช่นนี้ เหล่าสนมชายาอื่นแม้จะอยากเอาใจ แต่ไม่ได้รับรอยยิ้มก็รู้สึกคับแค้นใจ จึงหยุดเสียงพูดคุยหัวเราะเอาไว้
ขันทีที่คิดหาทุกวิธีในการประจบไม่รู้สาเหตุ นี่เป็นคณะกายกรรมที่เขาตั้งใจหามา เขาเดิมทีคิดว่าตนเองสามารถฉวยโอกาสหาเงินก้อนใหญ่ได้ เหตุใดบรรดาผู้เป็นนายจู่ๆ กลับเย็นชาขึ้นมา บนหอไจซิงสภาพการณ์ตึงเครียดกระจายปกคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า แต่เวลานี้ภายในห้องห้องหนึ่ง คนข้างในยังไม่รู้เรื่องใดเลย
ฮ่องเต้สะกดอารมณ์ถามว่า “เมื่อวานเจ้าเป็นอะไร ได้ยินขันทีบอกว่าเจ้ายังตามหมอหลวงอีกด้วย”
หลิวอี้ฟื้นคืนฐานะในที่นี้ สบตากับเหล่าขันทีตรงข้างผนังห้องแวบหนึ่งก็ก้มหน้าไม่กล้าหายใจแรง เฉิงหยวนจิ่งตอบอย่างไม่เร็วไม่ช้าว่า “ระหว่างทางเจอคนตกน้ำ หลังจากกระหม่อมช่วยนางขึ้นมาเสื้อผ้าก็เปียกหมด ไม่สะดวกจะมาพบพระองค์ จึงกลับจวนไปแต่งตัวใหม่ กระหม่อมไม่กล้าให้พระองค์ทรงรอนานเกินไป จึงเชิญพระองค์เสด็จกลับวังไปก่อน”
“ช่วยคนหรือ” ฮ่องเต้ได้ยินแล้วรู้สึกงุนงงไปหมด “เจ้าไปช่วยใคร ต่อให้ช่วยคน ขันทีองครักษ์ข้างกายเจ้าเล่า ต้องให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเองด้วยหรือ”
ขันทีที่ติดตามข้างกายเฉิงหยวนจิ่งได้ยินคำพูดนี้แล้วก็พากันคุกเข่าลง ขันทีที่ปรนนิบัติอยู่ตรงหน้าก้มหน้างุดไม่อาจหาญสบตา มองดูฝุ่นบนพื้นไม่กล้าขยับ บรรดาผู้ติดตามตกใจไม่เบา
เฉิงหยวนจิ่งกลับไม่สนใจ เขาไม่ได้พูดในเรื่องนี้ แต่พูดว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องหนึ่งอยากขอให้พระองค์ทรงอนุญาต”
ฮ่องเต้เกิดความรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ แผนการที่วางไว้แต่เดิม นับจากที่เฉิงหยวนจิ่งผิดนัดเมื่อวานก็ราวกับหลุดออกนอกเส้นทาง ฮ่องเต้สะกดอารมณ์ได้ดีมาก ถามว่า “เรื่องอะไร”
“ขอพระองค์พระราชทานงานมงคลให้ลูก” เฉิงหยวนจิ่งพลิกชายเสื้อคุกเข่าคำนับฮ่องเต้ตามพิธีการ “ขอฝ่าบาททรงเมตตา มอบสมรสพระราชทานให้ลูกกับเฉิงอวี๋จิ่นบุตรสาวคนโตจวนอี๋ชุนโหวด้วย”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนพฤศจิกายน 65)