บทที่ 1
ปีที่ยี่สิบสองในการครองราชย์ของฮ่องเต้เจี้ยนอู่ ปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ข้างนอกยังหนาวอยู่มาก ฤดูหนาวนี้ยาวนานและอึมครึม เข้าเดือนสองแล้วแต่อากาศไม่มีทีท่าจะอบอุ่นขึ้นเลย
กลางดึกเมื่อวานหิมะตกลงมาอีกครั้ง รุ่งเช้าวันนี้ทั้งเมืองหลวงขาวโพลนไปทั่ว เหนือสิ่งปลูกสร้างอันยิ่งใหญ่งดงามปกคลุมไปด้วยหิมะ ภายในจวนอี๋ชุนโหว* ทางตะวันออกของเมือง หญิงชราสวมเสื้อขนสัตว์สีน้ำตาลหม่นวิ่งตึกๆ มาทางเรือนจิ่นหนิง นางก้าวข้ามธรณีประตู เกาะเสาทางเดินแล้วปรับลมหายใจ จากนั้นตะโกนอย่างลนลาน “คุณหนูใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!”
สาวใช้ที่เกล้าผมแน่นสองมวยคนหนึ่งพลิกเปิดม่านเดินออกมา นางดูแล้วอายุราวสิบห้าสิบหกปี เป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของหญิงสาว แต่พอถลึงตาเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางดูไม่อ่อนโยนสมวัยเลยสักนิด “ตะโกนโวยวายอะไรแต่เช้า ไม่รู้หรือว่าคุณหนูยังอยู่ข้างใน”
“ไอ้หยา แม่นางเหลียนเชี่ยวของบ่าว บ่าวก็แค่มีเรื่องจะบอกคุณหนูเท่านั้น!” ป้าเจิ้งโวยวายจะเดินเข้าไปในห้องให้ได้ “คุณหนูใหญ่เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ!”
กฎระเบียบในห้องคุณหนูใหญ่เข้มงวดเป็นพิเศษ สาวใช้และหญิงรับใช้สูงวัยใช้แรงงานทั่วไปปกติจะเดินไปมาได้เพียงในลานเรือน มีเพียงสาวใช้ระดับสองเท่านั้นจึงจะเข้าไปในเรือนได้ ส่วนห้องนอนของคุณหนูใหญ่มีเพียงสาวใช้ระดับหนึ่งที่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้ เข้าเรือนพักมาแต่เด็กก็มีกฎระเบียบมากมายแล้ว ตอนนี้พอเหลียนเชี่ยวเห็นป้าเจิ้งจะบุกเข้าไปในห้องพักก็โกรธขึ้นมาไม่น้อยในทันที รีบออกแรงขวางประตูเอาไว้ “บังอาจ ยังมีกฎระเบียบอยู่หรือไม่! ห้องของคุณหนูใหญ่เจ้าเข้าได้หรือ”
เหลียนเชี่ยวเป็นคนสำคัญยิ่งข้างกายคุณหนูใหญ่ ปกติอยู่ในเรือนพักจะมีอำนาจอย่างมาก ต่อให้เป็นป้าเจิ้งก็ไม่กล้าล่วงเกินบ่าวฝีปากกล้าผู้นี้ แต่วันนี้ไม่รู้อย่างไรกัน ป้าเจิ้งกลับกล้าลงมือกับเหลียนเชี่ยว ผลักแขนของเหลียนเชี่ยวพลางพูดว่า “ไอ้หยา แม่นางเหลียนเชี่ยว บ่าวมีเรื่องสำคัญจริงๆ…”
“เหลียนเชี่ยว”
เหลียนเชี่ยวได้ยินเสียงก็หยุดวางอำนาจในทันที แม้แต่ป้าเจิ้งที่ตะโกนโวยวายก็เงียบเสียงลง คุกเข่าอย่างเรียบร้อยตรงหน้าประตู “คุณหนูใหญ่ บ่าวมีเรื่องสำคัญจะรายงานจริงๆ เจ้าค่ะ”
ภายในห้องมีดอกไม้หลากหลาย อบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศดูหรูหรางดงาม ชั้นวางของชั้นหนึ่งบังสายตาพื้นที่ชั้นในชั้นนอกไว้ ผ่านไปครู่หนึ่งสาวใช้ในชุดกระโปรงนวมสีม่วงอ่อนอมชมพูคนหนึ่งก็เดินออกมา พูดเสียงอ่อนโยนว่า “คุณหนูมีเมตตา เจ้าเข้าไปเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ป้าเจิ้งรีบเดินอ้อมชั้นวางของ ผ่านม่านมุ้งสีสดใส นี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้ามาในห้องพักส่วนตัวของคุณหนูใหญ่ ป้าเจิ้งถูกผ้าแพรสองข้างทำให้ลายตา นางเห็นเงาหันข้างที่ตั้งตรงงดงามได้รางๆ ป้าเจิ้งไม่กล้ามองต่อ รีบคุกเข่าลง “คุณหนูใหญ่”
“พูดมาเถอะ” เพียงแค่เห็นเงาด้านข้างของอีกฝ่ายก็น่ามองอย่างประหลาด แม้แต่เสียงยังราวกับเม็ดหยกกระทบกัน ไพเราะอย่างยิ่ง “มีเรื่องอะไร”
ป้าเจิ้งเกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาวูบหนึ่ง เมื่อครู่ที่นางได้ยินข่าวนี้ก็ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมา ตลอดทางไม่ใส่ใจหิมะลื่น วิ่งล้มลุกคลุกคลานมาแจ้งข่าวแก่คุณหนูใหญ่ ข่าวนี้ยังไม่ทันกระจายมา คุณหนูใหญ่เองเดิมไม่มีตาทิพย์หูทิพย์ อีกทั้งวันนี้ก็ไม่ได้ย่างกรายออกจากห้อง ตามหลักแล้วไม่ควรจะรู้เรื่องเรือนส่วนหน้า
ทว่าฟังน้ำเสียงของคุณหนูใหญ่แล้ว…ป้าเจิ้งกลับรู้สึกฉงนใจยิ่ง เหตุใดนางจึงรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่เหมือนจะรู้เรื่องนี้แล้ว
“คุณหนูใหญ่ ทางจวนจิ้งหย่งโหวมาถอนหมั้นแล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงอวี๋จิ่นนั่งนิ่งมองดูใบหน้าสวยสดงดงามราวกับภาพวาดของตนในกระจกแล้วยิ้มอย่างช้าๆ
เป็นจริงดังคาด เขามาถอนหมั้นแล้ว