บทที่ 5
เฉิงอวี๋จิ่นเข้าประตูมา กวาดตามองเฉิงหยวนจิ่งอย่างไม่แสดงสีหน้าก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นนางจึงก้มหน้า คารวะท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงตามมารยาท “หลานคารวะท่านปู่ ขอให้ท่านปู่สุขภาพแข็งแรง”
พอพูดจบเฉิงอวี๋จิ่นเบี่ยงตัวเล็กน้อย คารวะเฉิงหยวนจิ่ง “หลานคารวะท่านอาเก้า ขอให้ท่านอาเก้ามีความสุขสมบูรณ์”
เฉิงหยวนจิ่งยกมือขึ้นเบาๆ พูดว่า “ลุกขึ้น”
เฉิงอวี๋จิ่นค่อนข้างแปลกใจ ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงยังอยู่ที่นี่ เฉิงหยวนจิ่งกลับพูดตัดสินใจเองได้หรือ นางแอบมองไปทางท่านโหวผู้เฒ่าเฉิง พบว่าอีกฝ่ายสงบเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมอย่างไรแม้แต่น้อย
เอาเถอะ ในเมื่อท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงไม่สนว่าถูกบุตรชายล่วงเกิน นางจะถือสาอะไรได้ เฉิงอวี๋จิ่นยืนขึ้น พูดกับเฉิงหยวนจิ่งด้วยรอยยิ้ม “หลานไม่รู้ว่าท่านอาเก้ากลับมาวันนี้ จึงเสียมารยาทไม่ได้มาต้อนรับ ท่านอาเก้า ระหว่างทางเรียบร้อยดีหรือไม่”
เฉิงหยวนจิ่งมองรอยยิ้มงดงามราวดอกไม้ของเฉิงอวี๋จิ่น ภายในใจคิดว่าเขาจากเมืองหลวงไปนานมากจริงๆ ตามความเคลื่อนไหวในเมืองหลวงไม่ทันแล้ว หญิงสาวในตอนนี้อายุไม่มาก มีรูปโฉมที่งดงาม หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เฉิงหยวนจิ่งก็ไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่อ่อนโยนงดงามเช่นนี้จะตบหน้าคู่หมั้นอย่างนั้น
เฉิงหยวนจิ่งพูดว่า “ไม่เป็นไร เรื่องราวภายนอกเดิมทีก็ไม่ควรให้เจ้าที่เป็นเด็กรุ่นหลังต้องวุ่นวายใจอยู่แล้ว”
เฉิงอวี๋จิ่นได้ยินคำว่า ‘เด็กรุ่นหลัง’ จากปากของเฉิงหยวนจิ่ง ในใจมีความรู้สึกแปลกๆ ที่พูดไม่ออก เฉิงหยวนจิ่งกับนางดูแล้วอายุไม่ต่างกันมากนัก แต่เรียกนางว่าเด็กรุ่นหลังออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ เฉิงอวี๋จิ่นไม่อาจทำใจสงบยอมรับได้
แต่ผู้ใดใช้ให้ท่านปู่ของนางยากจะลืมรักเก่าได้เล่า เฉิงอวี๋จิ่นทำได้เพียงยอมรับท่านอาที่อายุมากกว่านางเพียงห้าปีเท่านั้น
เฉิงอวี๋จิ่นอยู่ที่นี่พอดี ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงจึงถามว่า “หลานเอ๋ย ปู่ขอถามเจ้า ระหว่างเจ้ากับเจ้าหนุ่มสกุลฮั่วนั่นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เฉิงอวี๋จิ่นแอบปรายตามองเฉิงหยวนจิ่งแวบหนึ่ง ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงไม่เคยสอบถามเรื่องภายนอก สามารถรู้เรื่องเช่นนี้ได้ ไม่ต้องคิดอะไร ต้องเป็นเฉิงหยวนจิ่งนำมาบอกแน่นอน เฉิงอวี๋จิ่นคิดว่านางแอบกระทำและลงมืออย่างรวดเร็วแล้ว แต่เฉิงหยวนจิ่งกลับหันหน้ามาได้เหมาะเจาะ ทั้งยังยิ้มให้เฉิงอวี๋จิ่นอีกด้วย
เฉิงอวี๋จิ่นตื่นตระหนกมากขึ้น นางไม่มั่นใจว่าเฉิงหยวนจิ่งพูดกับท่านโหวผู้เฒ่าอย่างไร ดังนั้นจึงพูดอย่างระวังตัวไปก่อน “ท่านปู่ หลานกับท่านโหวฮั่ว…ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกันแล้ว”
“อะไรนะ” ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงขมวดคิ้ว “อายุยังน้อย พูดจาเหลวไหลอะไร เจ้าเป็นว่าที่ภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าบ้านของเขาแล้ว วันหน้าต้องใช้ทั้งชีวิตร่วมกับเขา จะเรียกว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วได้อย่างไร”
เฉิงอวี๋จิ่นก้มหน้า เผยให้เห็นความเศร้าเสียใจที่พอเหมาะ “ท่านโหวฮั่ววันนี้…มาที่นี่เพื่อถอนหมั้นเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ!” ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงครั้งนี้ตกใจยิ่งขึ้น แม้แต่เสียงพูดก็ดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว เฉิงหยวนจิ่งแปลกใจไปชั่วพริบตาเช่นกัน ที่แท้เป็นการถอนหมั้น มิน่าเล่านางจึงเล็งฝ่ามือไปบนใบหน้าของอีกฝ่าย หากเป็นเช่นนี้ก็สมควรโดนตบแล้ว
ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงไม่รู้เรื่องการถอนหมั้น ดูท่าแล้วก็ไม่รู้เรื่องที่นางตบฮั่วฉางยวนไปทีหนึ่งเช่นกัน คราวนี้เฉิงอวี๋จิ่นวางใจได้แล้ว ที่แท้เฉิงหยวนจิ่งไม่ได้บอกอะไรท่านโหวผู้เฒ่ามากนัก และยังบอกน้อยกว่าที่นางคาดไว้มาก
เฉิงอวี๋จิ่นผ่อนคลายมือเท้า พูดฟ้องเสียงเบา “หลานไม่รู้จริงๆ ว่าเพราะเหตุใด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ดำเนินด้วยดีมาตลอด แต่เช้าวันนี้ท่านโหวฮั่วจู่ๆ ก็มาที่จวน พอเข้ามาก็พูดจาเย็นชาว่าจะถอนหมั้น หลานงุนงงทำสิ่งใดไม่ถูก อยากไปลองถามดูว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ผลปรากฏได้ยินเขาบอกกับท่านย่าว่า…”
เฉิงอวี๋จิ่นก้มหน้าลงต่ำลงราวกับว่ากลั้นน้ำตาไม่อยู่แต่ไม่อยากให้ผู้ใดเห็น จงใจก้มหน้าไม่ยอมให้เห็น
เฉิงหยวนจิ่งยิ้มแต่ไม่พูดอะไร มองดูเฉิงอวี๋จิ่นร้องไห้พูดฟ้องอย่างเงียบๆ หากนางร้องไห้จริงๆ ล่ะก็นะ