ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงรู้สึกเป็นห่วง เอ่ยถามว่า “เขาพูดว่าอะไร”
“เขาบอกว่าไม่มีเหตุผล เขาแค่เพียงอยากจะถอนหมั้นกับหลาน หลังจากนั้นเขายังบอกว่าชื่อเสียงของหลานเสียหาย ทั้งยังบอกว่าหลานเป็นคนเสแสร้ง หลังจากเขาถอนหมั้นแล้วคงไม่มีใครมาแต่งงานกับหลานอีก”
เฉิงหยวนจิ่งเลิกคิ้วขึ้น เหลือบมองเฉิงอวี๋จิ่นกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มครู่หนึ่ง คำพูดนี้ตั้งใจพูดให้เขาฟัง ตอนนั้นเขาเดินเข้ามาจากข้างนอก เดิมทีอยากจะไปเยี่ยมดูอาการป่วยของท่านโหวผู้เฒ่าเฉิง ผลปรากฏว่าเจอชายหญิงคู่หนึ่งทะเลาะกันที่ระเบียงทางเดิน เฉิงหยวนจิ่งรับรู้โดยสัญชาตญาณ เขาชะงักฝีเท้า คิดว่าจะรอให้ชายหญิงคู่นี้ทะเลาะกันเสร็จแล้วค่อยเดินผ่านไป
แม้ว่าเทียบจากเวลาแล้ว เฉิงหยวนจิ่งจะเป็นผู้ที่มาถึงก่อน
กลับไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้เห็นละครที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
จนกระทั่งถึงตอนนี้คุณหนูใหญ่สกุลเฉิงผู้นี้ยังคงวางแผนอยู่ ‘ชื่อเสียงเสียหาย’ ‘เสแสร้งแกล้งทำ’ เป็นคำพูดเดิมของฮั่วฉางยวน แต่หลังจากถูกเฉิงอวี๋จิ่นปรับลำดับคำพูดเหมือนไม่ตั้งใจแล้ว ความหมายนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เฉิงอวี๋จิ่นอยากได้ผลประโยชน์จากการแสดงความเจ็บช้ำใจต่อท่านปู่ แต่ก็กลัวว่าจะถูกเขาเปิดโปง ดังนั้นจึงจงใจเล่นกับตัวอักษร
เฉิงหยวนจิ่งยังไม่มีเวลาว่างมาทำเรื่องเช่นนี้
ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงได้ยินแล้วโกรธเกรี้ยวจริงดังคาด ด่าชายหนุ่มรุ่นหลานแซ่ฮั่วอย่างแรง เฉิงอวี๋จิ่นฟังแล้วสบายใจ คอยพูดเสริมอยู่ตลอด ดวงตาของนางดำขลับสุกใส กลอกหนึ่งรอบเบาๆ ดูงดงามอย่างมาก แววตาเลื่อนไปที่ตัวของเฉิงหยวนจิ่ง นางพูดว่า “ท่านโหวฮั่วมีผลงานการทหารติดตัว ตำแหน่งโหวยังเป็นตำแหน่งที่อยู่ในความดูแลของฝ่าบาทอีกด้วย อนาคตของเขาไร้ขีดจำกัด จะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเขาดูหมิ่นข้าไม่เป็นไร ทว่าไม่มีเหตุผลที่จะย่ำยีทั้งสกุลเฉิง ท่านอาเก้า ท่านว่าถูกต้องหรือไม่”
ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงมองเฉิงหยวนจิ่งอย่างตื่นตระหนกแวบหนึ่ง องค์รัชทายาทมีแต่ออกคำสั่ง ใต้หล้านี้มีใครกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดกับองค์รัชทายาทบ้างเล่า ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงปั้นหน้านิ่ง พูดตำหนิว่า “อวี๋จิ่น อย่าเหิมเกริม”
เหิมเกริม? นางเหิมเกริมที่ใดกัน เฉิงอวี๋จิ่นตะลึงงัน ตอนพูดคุยเจ้าถามข้าตอบ ใครบ้างไม่ทำเช่นนี้ ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงกลับบอกว่านางเหิมเกริม
มิน่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงจึงแค้นเสี่ยวเซวียซื่ออย่างมาก ความลำเอียงของท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง
เฉิงหยวนจิ่งรับรู้ได้ว่าคุณหนูใหญ่เฉิงมองสำรวจตัวเขาอย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง แม้จะไม่แสดงออก แต่คงจะแอบกลอกตาขาวอยู่ในใจ เฉิงหยวนจิ่งไม่ได้สนใจ ย้อนถามว่า “ตำแหน่งโหวของฮั่วฉางยวนอยู่ในความดูแลของฝ่าบาทหรือ”
“อ้อ เรื่องนี้หรือ” ท่านโหวผู้เฒ่าพูดอธิบาย “เป็นเรื่องที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ ในงานฉลองผลงานฝ่าบาททรงเห็นฮั่วฉางยวนมีอายุใกล้เคียงกับองค์รัชทายาท จึงสอบถามหลายประโยค จากนั้นคนเบื้องล่างจึงจัดการเรื่องบรรดาศักดิ์ของสกุลฮั่ว”
คำพูดของท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงพูดให้เฉิงหยวนจิ่งฟังโดยเฉพาะ น่าเสียดายที่เฉิงอวี๋จิ่นไม่รู้เรื่องราว นางพูดต่อไปโดยไม่ได้คิดอะไร “พูดถึงที่สุดแล้ว ฮั่วฉางยวนก็อาศัยบุญบารมีขององค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงคิดถึงองค์รัชทายาท จึงมีพระมหากรุณาไปถึงสกุลฮั่ว ไม่รู้ว่าพวกเขาจะได้ใจเพียงใด”
ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดนี้ เขามองหน้าเฉิงอวี๋จิ่นอย่างตกใจ อ้าปากหุบไม่ลง กล้าใช้คำพูดตามใจชอบพูดถึงองค์รัชทายาท ทั้งยังพูดโดยไม่ใส่ใจราวกับพูดคุยเรื่องในบ้านทั่วไป บังอาจเกินไปแล้วกระมัง