เฉิงอวี๋จิ่นรีบดึงสติกลับมา ใจคิดว่านางจะถูกอีกฝ่ายมองออกว่าตนเองถูกรูปโฉมของเขาทำให้ตกตะลึงไม่ได้ เฉิงอวี๋จิ่นกำลังจะพูดคลี่คลายสถานการณ์ แต่เป็นเฉิงหยวนจิ่งที่หลังจากยิ้มเสร็จแล้วก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปข้างหน้าผ่านข้างตัวนางไปอย่างไม่เกรงใจ
เฉิงอวี๋จิ่นขมวดคิ้ว นี่เขาหมายความว่าอย่างไร รับปากหรือว่าไม่รับปาก
เฉิงหยวนจิ่งทำอะไรไม่เคยต้องอธิบายให้ผู้อื่นฟัง ยิ่งไม่จำเป็นต้องสัญญาอะไรกับใคร เดิมทีเขาไม่คิดจะพูดเรื่องของเฉิงอวี๋จิ่นกับคนนอกอยู่แล้ว แต่ละคนมีวิถีชีวิตของตนเอง แม้ว่าตามมารยาทแล้วมักพูดว่าหญิงสาวจะต้องอ่อนโยนบอบบาง ก้มหน้าเชื่อฟัง ยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืน เฉิงหยวนจิ่งกลับรู้สึกว่าร้ายกาจเหมือนเฉิงอวี๋จิ่นเช่นนี้ก็ดีเช่นกัน
จะได้ไม่เหมือนมารดาของเขา
ดังนั้นถึงเฉิงอวี๋จิ่นไม่ไล่ตามมา เขาก็ไม่เปิดเผยเรื่องของนางของนางอยู่แล้ว มาตอนนี้ได้ยินเฉิงอวี๋จิ่นพูดว่าแม้แต่จะแต่งงานในวันหน้ายังเป็นปัญหา เฉิงหยวนจิ่งเกิดความคิดเห็นใจบางเบาขึ้นมา ช่างเถอะ ปล่อยนางไปสักครั้งแล้วกัน
เฉิงหยวนจิ่งคิดว่าวันนี้ตนเองพูดง่ายอย่างหาได้ยากแล้ว คิดไม่ถึงว่าเดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงหญิงสาวดังมาจากข้างหลัง “ท่านอาเก้า”
เฉิงหยวนจิ่งหยุดเดินอย่างทนไม่ไหว เอี้ยวตัวมองนาง “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก”
ทว่าเฉิงอวี๋จิ่นกลับไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแค่เพิ่มความเร็วอย่างฉับพลัน เดินเฉียดข้างกายเฉิงหยวนจิ่งไปยืนอยู่ข้างหน้าเขาราวกับหงส์ที่เย่อหยิ่ง
เหล่าองครักษ์แต่ละคนแสดงท่าทางตกใจระคนหวาดกลัว องครักษ์ที่ใบหน้าหมดจดมากผู้หนึ่งถามเสียงเบาว่า “นายท่านเก้า นี่…”
เฉิงหยวนจิ่งถูกนางทำให้โกรธจนยิ้ม เขากดหัวคิ้ว เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง บนใบหน้ากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด “ช่างเถอะ แค่สตรีนางหนึ่ง ไปกันเถอะ”
“ขอรับ”
เฉิงอวี๋จิ่นโกรธมาก ในใจคิดว่านางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนโหว ชาตินี้ควรจะเดินอยู่ข้างหน้าทุกคน เหตุใดต้องมาทนการปฏิบัติเช่นนี้ของเฉิงหยวนจิ่งด้วย ดังนั้นนางจึงตั้งใจเดินนำหน้าเฉิงหยวนจิ่ง ทิ้งภาพแผ่นหลังสง่างามสูงศักดิ์ให้แก่เขาไปตลอดทาง
น่าเสียดายที่เฉิงหยวนจิ่งรูปร่างสูงขายาว เวลาเดินจึงเร็วกว่านาง ตอนไปถึงหอโซ่วอันของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ทั้งสองคนกลับเดินเข้าประตูไปพร้อมกัน
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเพิ่งผ่านเรื่องการถอนหมั้นตอนเช้าตรู่มากำลังอารมณ์ไม่ดี พอเงยหน้าขึ้นได้ยินสาวใช้รายงานว่า “นายท่านเก้ากับคุณหนูใหญ่มาเจ้าค่ะ” มุมปากก็พลิกคว่ำลง
เฉิงอวี๋จิ่นเดินเข้ามาในห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเฉิง ท่าทางเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด สตรีจะถามเรื่องภายนอกมากไม่ได้ ขณะเดียวกันบุรุษก็ยื่นมือมายุ่งกับเรือนส่วนในไม่ได้เช่นกัน ท่านโหวผู้เฒ่าเฉิงแม้จะเป็นใหญ่ที่สุดในจวนอี๋ชุนโหว แต่สำหรับเฉิงอวี๋จิ่นแล้ว อีกฝ่ายมีอำนาจเทียบไม่ได้กับฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงและท่านหญิงชิ่งฝู
เฉิงหยวนจิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเฉิงอวี๋จิ่น เขาเหลือบมองนางแวบหนึ่ง รอจนเข้าไปในห้องชั้นในแล้ว ความรู้สึกตึงเครียดบนร่างเฉิงอวี๋จิ่นนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น นางยิ้ม คารวะญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงที่อยู่เต็มห้องนั้น “หลานคารวะท่านย่า คารวะท่านแม่ คารวะอาสะใภ้รอง”
ท่าทีของเฉิงหยวนจิ่งเรียบง่ายกว่ามาก เขาเพียงแค่พยักหน้า พูดว่า “ขอให้ฮูหยินท่านโหวสุขภาพแข็งแรง พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง”
เฉิงหยวนจิ่งมีตำแหน่งขุนนางติดตัว ได้ยินบ่าวรายงานว่าเลื่อนขึ้นขั้นสี่แล้ว ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นก็ทับคนจนตายได้* พิจารณาถึงอายุของเฉิงหยวนจิ่งแล้ว นั่นยิ่งน่ากลัวกว่า ดังนั้นเมื่อเฉิงหยวนจิ่งคารวะตามสบาย ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงจึงมีสีหน้าโกรธจนเขียวคล้ำ ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงยังไม่กล้าหาเรื่อง ท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อที่อยู่รุ่นเดียวกับเขาก็ไม่กล้ายิ่งกว่า
แม้ชิ่งฝูแม้จะมีศักดิ์เป็นทั้งท่านหญิงและฮูหยินของซื่อจื่ออี๋ชุนโหว แต่เฉิงหยวนเสียนตอนนี้เพียงแค่ห้อยชื่อตำแหน่งขุนนางขั้นห้าเท่านั้น หนึ่งไม่มีอำนาจจริง สองไม่มีเงินค่าตอบแทนนอกรอบ วันหน้าจะมีความก้าวหน้าอีกก็ยาก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าล่วงเกินน้องชายคนเล็กของสามีตนเองผู้นี้จริงๆ เดิมขั้นสี่ก็นับเป็นหลุมหลุมหนึ่ง ลูกหลานขุนนางที่มีความชอบเช่นพวกเขาเหล่านี้อาศัยเกียรติของบรรพชนและการใช้เงินลงทุน สามารถทุ่มจนได้ขั้นห้าขั้นหกอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ แต่ขั้นสี่ขึ้นไปจำต้องอาศัยความสามารถแท้จริงแล้ว ไปถึงขั้นนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของการทุ่มเงินจะสามารถช่วยจัดการปัญหาได้
ดังนั้นพอได้ยินว่าเฉิงหยวนจิ่งเข้ามา ท่านหญิงชิ่งฝูก็มีสีหน้านิ่งเฉย ลุกยืนจากที่นั่ง กระทั่งท่านหญิงชิ่งฝูยังทำเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหร่วนซื่อเลย ในห้องนี้มีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่นั่งอยู่ หลังจากเฉิงหยวนจิ่งพูดจบ ท่านหญิงชิ่งฝูกับหร่วนซื่อต่างยิ้มคารวะตอบเขา
ท่านหญิงชิ่งฝูเอ่ยว่า “นายท่านเก้ากลับมาแล้วหรือ เหตุใดไม่ส่งจดหมายมาที่บ้านก่อน ถ้าพวกเรารู้จะส่งคนไปรับเจ้าที่ประตูเมือง จะต้องให้เสียเวลาจัดการเองได้อย่างไร”
“รบกวนพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว” เฉิงหยวนจิ่งยิ้มบางๆ “ข้าอยู่ข้างนอกจนชิน เรื่องเล็กแค่นี้ไม่ต้องรบกวนพี่สะใภ้ใหญ่หรอก”
ท่านหญิงชิ่งฝูยื่นความหวังดีให้ แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทางไม่สนใจเลย นางทำอะไรไม่ค่อยถูกไปชั่วขณะ ยกมือขึ้นลูบผม ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านเก้ามีแผนในใจเองก็ดีแล้ว”
ท่านหญิงชิ่งฝูที่ยโสโอหังก็มีช่วงที่ถูกบีบให้พ่ายแพ้เช่นกัน หร่วนซื่อในใจมีความสุข แอบเหลือบมองพี่สะใภ้ใหญ่แวบหนึ่ง