ค่ำคืนเงียบสงัดในฤดูใบไม้ผลิ โคมไฟส่องแสง
‘หอนกขมิ้นขับขาน’ ซึ่งเป็นหอโคมเขียวขนาดใหญ่ที่สุดของทางใต้มีสายลมหอมอวลโชยมาเป็นระยะ เสียงดนตรีลอยอยู่ไกลๆ จากชั้นหนึ่งถึงชั้นสามเต็มไปด้วยแขกเหรื่อทั้งชนชั้นสูงและชนชั้นต่ำที่มาหาคนงาม ทั้งยังมีพวกที่มาดื่มสุราฟังเสียงดนตรีแต่ไม่ออกศึกด้วยตนเอง เพียงมาที่นี่ซึมซับบรรยากาศงดงามและบรรยากาศของการเคลียคลอกับสาวงาม
ยังมีแขกส่วนน้อยอีกจำพวกหนึ่งที่มาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงแขกของตนโดยเฉพาะและเฝ้าดูอยู่ข้างๆ เท่านั้น
กวนหยางดื่มสุราด้วยสีหน้าเฉยชา ฟังเสียงดนตรีบรรเลงอย่างพร้อมเพรียงและเสียงหอบครางของหญิงสาว เรือนร่างสูงตระหง่านยังคงนั่งเหยียดตรงทรงพลังดุจทวนเงิน ไอเย็นเยียบแฝงความกดดันเข้มข้น ดังนั้นทุกคนจึงกล้าเพียงถือสุราคารวะกัน ไม่กล้าหยอกล้อหรือหัวเราะ
ส่วน ‘แขกสูงศักดิ์คนสำคัญ’ ที่ได้รับการต้อนรับ ผู้บัญชาการทัพปีกซ้ายของเมืองหลวงที่เพิ่งเดินทางมาถึงทางใต้เมื่อเช้าอย่างเหน็ดเหนื่อยยิ่งรู้สึกกดดัน ยามอยู่ต่อหน้าเทพสงครามของดินแดนทางใต้ เขาไม่กล้าอวดดีแม้แต่น้อย ตอนรับราชโองการออกจากเมืองหลวง เขาตบอกรับรองต่อหน้าองค์จักรพรรดิว่าเดินทางมาครั้งนี้จะต้องช่วงชิงกำลังทหารจากมือกวนหยางมาให้ได้แน่นอน คืนตราพยัคฆ์* ของกองทัพสกุลกวนแก่องค์จักรพรรดิ
เดิมทีโจวเซ่าเต็มไปด้วยแผนการ คิดกระดานหมากไว้ทั้งหมดแล้ว แต่คืนนี้เมื่อนั่งร่วมโต๊ะและได้เห็นแม่ทัพปกปักทักษิณกวนหยางผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสมรภูมินั่งอยู่ตรงหน้ากับตาตนเอง ในใจกลับอดรู้สึกหนาวเหน็บเป็นระลอกไม่ได้
แม้กวนหยางจะมีสีหน้าเย็นชา ท่าทางสุขุมพูดน้อย แต่ทำอย่างไรก็มิอาจปกปิดไอสังหารของคนที่ผ่านศึกมานับร้อยสมรภูมิแล้วได้ แค่เขาปรายตามอง โจวเซ่าก็ให้รู้สึกตื่นตระหนกเหมือนตนเองถูกจ้องจนทะลุปรุโปร่ง
ทว่าจะอย่างไรโจวเซ่าก็เป็นขุนศึกที่จักรพรรดิบ่มเพาะฝึกฝนขึ้นอย่างตั้งใจ เขาข่มความหวาดกลัว เผยรอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติ ชูจอกสุราในมือ “นับแต่นี้ไปผู้น้อยคงต้องรบกวนท่านแม่ทัพใหญ่ชี้แนะให้มากแล้ว หวังว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะดื่มหมดจอกนี้ ถือเป็นการให้หน้าผู้น้อยด้วยขอรับ”
“ผู้บัญชาการโจวเป็นขุนนางสำคัญของราชสำนัก เป็นมือเท้าขององค์จักรพรรดิ” กวนหยางมีสีหน้าเรียบเฉย ชนจอกกับเขากลางอากาศ “ดินแดนทางใต้กันดารห่างไกล ธรรมเนียมป่าเถื่อน หากมีสิ่งใดที่ผู้บัญชาการโจวไม่คุ้นเคย ต้องขออภัยด้วย”
นี่เป็นคำขู่เตือนชัดๆ!
โจวเซ่าสีหน้าย่ำแย่เล็กน้อย เขาอดกลั้นไว้ ก่อนตอบด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว แต่ฝ่าบาททรงมีบุญคุณกับผู้น้อย ผู้น้อยย่อมต้องปฏิบัติภารกิจแทนพระองค์ให้ดี หากวันหน้ามีสิ่งใดล่วงเกิน ขอท่านแม่ทัพใหญ่เห็นแก่ที่ท่านกับข้าเราสองคนต่างเป็นข้ารับใช้ของฝ่าบาท โปรดอภัยให้ด้วย”
กวนหยางไม่แสดงท่าทางใดๆ กลับเป็นรองแม่ทัพนายอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้วยเขวี้ยงจอกลงพื้นอย่างแรงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย สีหน้าดุดันเปี่ยมไอสังหาร จ้องโจวเซ่าเขม็งอย่างกรุ่นโกรธ
โจวเซ่าหัวใจหดเกร็ง กำจอกสุราในมือแน่น องครักษ์ข้างหลังหลายคนก้าวมาข้างหน้าด้วยท่าทีข่มขู่ ดาบกระบี่ที่เอวทำท่าจะออกจากฝัก!