วันๆ ดีแต่ปั้นหน้าเย็นชาใส่นาง เสียทีที่นางอุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางมาพันลี้ คิดหาหนทางลงหลักปักฐานในดินแดนทางใต้เพื่อจะได้อยู่ใกล้เขามากขึ้นอีกนิด…
นางถูหน้าไปมามั่วๆ แอบปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมา
“คุณหนู ท่านจะโทษเขาได้อย่างไรขอรับ ตอนนั้นเมืองหลวง…” เหล่าเจียงทำท่าจะพูดและเงียบไป เหลือบมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง ครั้นเห็นไม่มีคนจึงกดเสียงเบาพูด “โกลาหล แม่ทัพกวนต้องคิดว่าท่านไม่อยู่บนโลกนี้แล้วแน่ อีกอย่างเวลาผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว คุณหนูเปลี่ยนจากเด็กน้อยกลายเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เขาจดจำไม่ได้ชั่วขณะก็สมควรแล้ว”
“บางทีในใจเขาตอนนั้น ข้าอาจเป็นแค่เด็กนิสัยเสียคนหนึ่งที่ตามตอแยเขาจนน่ารำคาญ เจอเขาครั้งแรกก็กัดมือเขาเป็นแผล อีกทั้งยังชอบเอาแต่ใจและขี้ฟ้อง ทำให้เขาถูกพ่อของเขาตีตั้งหลายที ไม่แน่ในใจเขาอาจไม่อยากรู้จักข้ามาก่อนเลยก็ได้” นางพูดอย่างขุ่นเคือง
“คุณหนู…” ทั้งที่ชอบผู้อื่นมากถึงเพียงนั้น บัดนี้กลับถือทิฐิดื้อรั้น การเดาใจสตรีช่างเหมือนการงมเข็มในมหาสมุทรโดยแท้ เหล่าเจียงยอมรับว่าชั่วชีวิตนี้ของตนก็คงคาดเดาไม่ถูก “เฮ้อ ท่านจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไรขอรับ”
“เจ้าไม่เข้าใจ ข้าไม่ได้แค่จะถือทิฐิเอาชนะ” หว่างคิ้วของฮวาชุนซินขมวดมุ่น ท่าทางกลัดกลุ้มเศร้าใจเล็กน้อย ตะเกียบในมือเขี่ยไปมาในชามโจ๊ก “ข้าเชื่อเขา แต่ก็กลัวว่าจะเชื่อคนผิด เหล่าเจียง ข้าสูญเสียอะไรไปมากมายเหลือเกิน ข้าไม่อาจสูญเสียอะไรไปได้อีกแล้ว”
เหล่าเจียงฟังแล้วเงียบไป ครู่ใหญ่ให้หลัง เขาใช้แขนเสื้อกว้างซับน้ำตาตรงหางตา “ขอรับ บ่าวสะเพร่าละเลยความสำคัญของเรื่องนี้เกินไป พวกเราเสี่ยงไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ไม่ง่ายเลยกว่าคุณหนูจะรอดชีวิตมาได้”
นางไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงมองออกไปนอกประตูด้วยใบหน้าซีดขาว มองท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด
กวนหยาง หลายปีมานี้เจ้ายังคิดถึงข้าเหมือนที่ข้าคิดถึงเจ้าหรือไม่
ปีนั้นตอนที่ในวังเกิดความวุ่นวาย เมืองหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สกุลใหญ่ทั้งสี่ถูกประหารเก้าชั่วโคตร เจ้าเคยร้อนใจเพราะข้าบ้างหรือไม่ เจ้าเคยตามหาข้าอย่างยากลำบากบ้างหรือไม่
หรือว่าเจ้าก็เหมือนคนอื่นๆ คิดว่าข้าตายไปในหายนะครั้งใหญ่ครั้งนั้นแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงถือโอกาสลืมข้าไปเสีย
คืนก่อนตอนอยู่ในหอโคมเขียว ร่างกายของเราคลอเคลียแนบชิดถึงเพียงนั้นแล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดจะใกล้ชิดมากไปกว่านี้อีก เหตุใดเจ้าถึงยังจำข้าไม่ได้
พอคิดถึงญาติผู้น้องในจวนแม่ทัพที่ทั้งอ่อนหวานสง่างาม อ่อนเยาว์ และโอหังผู้นั้น ใจนางก็ยิ่งโมโหว้าวุ่นสุดระงับ
“ไม่ได้!” นางพูดกับตนเอง ใบหน้าเผยความอ่อนแออย่างหาได้ยากนัก ทว่าพริบตาเดียวก็ถูกแทนที่ด้วยความดื้อรั้นหยิ่งทะนงพลางเอ่ยว่า “ข้าจะเป็นฝ่ายเฝ้ารอเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขากวนหยางจะยอมรับว่าเขาเป็นคนของข้าหรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางปล่อยมือ ใครจะแย่งเขาไปจากข้าได้…เหล่าเจียง!”
“ขอรับ!” เหล่าเจียงลุกขึ้นทันใด ยืนอย่างนอบน้อม “เชิญคุณหนูสั่งการ”
“ค่ายทหารสกุลกวนน่าจะมีผู้ที่ลุ่มหลงในหนังสือข้าไม่น้อยกระมัง”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว เฉพาะลูกค้าในค่ายทหาร พวกเราก็ขายหนังสือได้ถึงหมื่นเล่มแล้วขอรับ”
“ดี ดีมาก ดีเหลือเกิน…” ฮวาชุนซินหัวเราะเจ้าเล่ห์
แม่ทัพใหญ่กวนหยาง ท่านเตรียมล้างก้นตนเอง…อ่ะแฮ่ม ล้างคอรอมารดาได้เลย!