รอจนทั้งสองรับคำสั่งจากไปแล้ว กวนหยางก็ก้มหน้าอ่านรายงานทางการทหารต่อ ครู่ใหญ่จึงถามเสียงเย็น “ยิ้มอะไร”
ตันจื่ออดใจไม่อยู่ปรากฏตัวออกมาจากที่ลับ รีบเก็บท่าทางขำขันที่ปิดบังไว้ไม่อยู่ “เอ่อ เรียนนายท่าน ผู้น้อยมิกล้าขอรับ”
“วันนั้น” เขาไม่เงยหน้า เพียงเอ่ยต่ออย่างเนิบช้า “เจ้าก็ห้ามไป”
“ไม่…” ตันจื่อร้องเสียงหลงทันที “นายท่าน วันนั้นเป็นวันหยุดของผู้น้อยอยู่แล้ว…เดิมทีผู้น้อยจัดการเรื่องงานไว้เรียบร้อยแล้ว…เช่นนี้ไม่ยุติธรรมเลย”
คิ้วเข้มของกวนหยางเลิกขึ้นนิดๆ ไอสังหารฉายวูบ
“ผู้น้อยน้อมรับคำสั่ง” ฮือ…
“เจ้าไปตรวจสอบงานแจกลายมือชื่อครั้งนี้” เขาสั่งขึ้นเสียงเรียบ “ต้นตอของข่าว ช่องทางแพร่กระจาย ขอบข่ายที่ส่งผลกระทบ พรุ่งนี้เวลานี้ ข้าต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด”
“ขอรับ!” ตันจื่อเปลี่ยนจากความเศร้าเป็นยินดี ดวงตาเปล่งประกาย “นายท่านอนุญาตให้ผู้น้อยนำกำลังส่วนรวมมาใช้สืบหาเบาะแสของอาจารย์ฮวาชุนซินแล้วใช่หรือไม่ ต้องสืบละเอียดเพียงใดขอรับ”
เครือข่ายข่าวกรองขององครักษ์ลับจวนแม่ทัพปกปักทักษิณกระจายอยู่เกือบทั่วหล้า เรื่องใหญ่น้อยในเมืองทางใต้ขอเพียงองครักษ์ลับออกโรงย่อมจัดการได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ก่อนหน้านี้เรื่องความลับของอาจารย์ผู้วาดภาพวังวสันต์ นายท่านไม่อนุญาต พวกเขาจึงไม่มีใครกล้าสืบเรื่องนี้อย่างลับๆ
บัดนี้ดีล่ะ นายท่านเอ่ยอนุญาตออกมาเอง เช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่ต้องหักห้ามใจและอดกลั้นอีกต่อไป
ขะ…ข้าจะดูแบบร่างภาพวังวสันต์ภาพล่าสุดที่อาจารย์ฮวากำลังวาดอยู่!
ขณะที่ตันจื่อตื่นเต้นจนหน้าบาน ขาดแค่ไม่ได้แลบลิ้นกระดิกหางเท่านั้นก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มต่ำลึกของผู้เป็นนายดังขึ้นช้าๆ “ข้าไม่สนใจโฉมหน้าที่แท้จริงและสิ่งที่คนผู้นั้นกำลังทำอยู่ในตอนนี้”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของตันจื่อพลันงอง้ำยับยู่ “นายท่าน…”
“ไม่อนุญาตก็คือไม่อนุญาต” ดวงตาของกวนหยางวูบไหวเล็กน้อย สิ่งที่ดูคล้ายรอยยิ้มปรากฏขึ้นและหายวับไปโดยเร็ว ทว่าตันจื่อที่กำลังอยู่ในความเศร้าโศกโอดครวญไหนเลยจะมองเห็นเล่า ดังนั้นเขาจึงยิ่งเศร้าโศกและโอดครวญกว่าเดิม
“นายท่าน…” ตันจื่อยังอยากจะพยายามดิ้นรนอย่างหมดทางสู้เป็นครั้งสุดท้าย ปั้นยิ้มน่ารักเต็มที่ “ท่านโปรดเห็นแก่ที่ผู้น้อยติดตามท่านมาตั้งแต่อายุห้าขวบด้วยเถอะขอรับ…”
“ไสหัวไป” เขาพ่นคำพูดออกมาแผ่วเบา
“ผู้น้อยจะไสหัวไป ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ขอรับ” ตันจื่อได้แต่ทำหน้าเหมือนญาติเสีย ก่อนจะหายลับไปจากสายตา
มุมปากกวนหยางอดยกขึ้นน้อยๆ ไม่ได้ ทว่าพอคิดถึงตัวการของภาพวังวสันต์ที่น่าโมโหอย่างยิ่งผู้นั้นแล้ว สายตาก็คืนสู่ความเย็นชาเฉียบคม หัวคิ้วขมวดกันแน่น
หากแค่ภาพวังวสันต์ก็สั่นคลอนจิตใจของทหารได้ ถ้าคนผู้นี้มีแผนการอื่น…
ข้อนิ้วเคาะหนังสือรายงานที่กางออกเบาๆ ประกายเยียบเย็นในดวงตาเข้มข้นกว่าเดิม ครู่หนึ่งมุมปากก็เผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา
กันไว้ดีกว่าแก้…
“ย่า” เขาเรียกเสียงทุ้ม
เงาดำอีกสายปรากฏตรงหน้าเขา คุกเข่าข้างเดียว “นายท่าน?”
“มีเรื่องหนึ่งจะสั่งเจ้า”
“เชิญนายท่านสั่งการ”
เขาเอ่ยคำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำ เงาดำชะงักไปคล้ายประหลาดใจ แต่แล้วก็รับคำอย่างนอบน้อมทันทีและจากไป
“แค่การเชือดไก่ก็ต้องให้ข้าใช้มีดเชือดวัว…” ดวงตาของกวนหยางทอประกายวูบ ริมฝีปากคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “หวังว่า ‘อาจารย์’ อย่างเจ้าจะมีค่าพอ”
ฮวาชุนซิน
(ติดตามต่อในเล่ม)