“นางเป็นบุตรสาวสกุลเถาแห่งร้านไป่เฉ่า สะใภ้ที่ยังไม่แต่งเข้ามาของพวกเราสกุลสวี ไม่ได้มีความแค้นอันใดกับพวกท่าน ได้โปรดปล่อยนางไป!” ในที่สุดสวีฮูหยินก็สงบสติลงได้ ก่อนกล่าวถ้อยคำไม่กี่คำนี้ออกมาอย่างยากลำบาก
“ยังไม่แต่ง?” บุรุษชุดขาวพึมพำ
“น้องชาย เหตุใดเจ้าถึงระมัดระวังมากเช่นนี้ ปล่อยให้ข้าใช้ดาบเดียวสังหารพวกเขาก็พอแล้ว!” เห็นได้ชัดว่าความอดทนของหัวหน้าโจรผู้นั้นมาถึงจุดสูงสุด โทสะของเขาประดุจฟ้าผ่า
“มีความแค้นย่อมมีต้นเหตุ มีหนี้สินย่อมมีเจ้าหนี้ ในเมื่อท่านมีความตั้งใจมาหาคนผิด เช่นนั้นก็ขอให้ปล่อยสตรีบอบบางอย่างนางไป แล้วมาลงกับสกุลสวีของข้าทั้งหมดเถิด!” สวีลี่คังตระหนักได้ว่าตนเองถูกความแค้นพัวพัน ซึ่งไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้ในระยะเวลาอันสั้น
“ดี พูดได้ดี!” บุรุษชุดขาวยิ้มน้อยๆ “ในเมื่อท่านหมอสวีเป็นผู้เขียนเทียบยานี้ก็กล่าวได้ว่ายังมีความน่าสงสัยที่ขจัดไม่พ้น ไม่อาจปล่อยไปได้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็จะต้องมีบทสรุปหนึ่ง”
“เช่นนี้จึงจะถูก!” หัวหน้าโจรกวัดแกว่งดาบคมปลาบในมือคล้ายต้องการดื่มด่ำโลหิตเสียก่อนถึงจะยอมเลิกรา
“แต่จู่ๆ ข้าก็คิดถึงวิธีการแก้แค้นอีกวิธีหนึ่งได้” บุรุษชุดขาวผู้นั้นยิ้มบางๆ แลดูมอมเมาผู้คน กระนั้นก็แลคล้ายเอ้อระเหยดุจต้นหลิวเดือนสามที่แฝงไปด้วยความเยือกเย็นและความหนาวเหน็บอยู่หลายส่วน
เถาเม่ยเอ๋อร์ยืนอยู่เพียงลำพังกลางห้องโถงหลัก ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน หญิงงามเสียบปิ่นหยกราวกับดอกสาลี่สีขาวหิมะเบ่งบานอยู่ริมรั้วสีชาด
หูได้ยินเสียงตัดสินใจเด็ดขาดดังขึ้น “ข้าต้องการแค่นาง”
รอจนนางตั้งสติได้แล้วก็พบว่านิ้วของบุรุษชุดขาวผู้นั้นชี้มาที่ตนเอง
“สกุลสวีของพวกเจ้าทำให้ข้าสูญเสียสตรีที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป ข้าเองก็ต้องการแย่งชิงสตรีที่สำคัญที่สุดของพวกเจ้าสกุลสวีมาชดใช้!” รอยยิ้มของบุรุษชุดขาวผู้นั้นค่อยๆ หุบลง สีหน้าเคร่งขรึม แผ่กลิ่นอายเย็นชาออกมา
เถาเม่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าวิญญาณตนเองหลุดลอยไปในช่วงสั้นๆ ดวงตารูปเมล็ดซิ่ง เบิกกว้าง ตอนที่นางจะกล่าววาจาก็รู้สึกว่าลำคอถูกรัดจนเจ็บ ของสิ่งหนึ่งคล้องอยู่บนคอนางเรียบร้อยแล้ว
นั่นคือหยกขาวชั้นเลิศจากสมัยราชวงศ์ฮั่นชิ้นหนึ่ง จากรูปลักษณ์เดิมตามธรรมชาติของตัวหยก ช่างฝีมือได้แกะสลักออกมาเป็นทรงเม็ดบัวที่ดูละมุนเกลี้ยงเกลา ทั้งโดดเด่นไม่เหมือนกับหยกที่ใด
“นี่มัน…” นางพยายามถอดออก แต่สองมือกลับถูกบุรุษชุดขาวผู้นั้นกดเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ของสิ่งนี้เมื่อสวมเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถถอดออกได้อีก!” บุรุษชุดขาวผู้นั้นแค่นเสียงเหอะเบาๆ “นี่คือของหมั้นที่ข้ามอบให้เจ้า อีกหนึ่งเดือนให้หลังเจ้าก็คือเจ้าสาวของข้า!”
“เจ้าช่างเป็นโจรไร้เหตุผล!” ริมฝีปากสีแดงของเถาเม่ยเอ๋อร์อ้าขึ้นน้อยๆ กล่าวอย่างขุ่นแค้นลอดไรฟันออกมา