เถาเม่ยเอ๋อร์แย่งกลับมาอีกครั้งก่อนจะยกขึ้นสูง “ข้าต้องนำไปส่งให้ท่านป้าสวีด้วยตนเอง ไม่อยากรบกวนเจ้าหรอก”
“ของล้ำค่าอะไรที่ทำให้เม่ยเอ๋อร์ของข้ากระตือรือร้นเช่นนี้” สวีเทียนหลินตั้งใจจะแย่งกลับมาดูอีกครั้ง ทว่ากลับถูกเถาเม่ยเอ๋อร์เบี่ยงตัวหลบไปอย่างง่ายดาย
“ฮึ ไม่บอกหรอก!”
เถาเม่ยเอ๋อร์กระโดดอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่งหลบการขัดขวางของสวีเทียนหลินไปได้ แล้วเคลื่อนกายไปทางห้องนอนสวีฮูหยิน สิ่งที่อยู่ในกล่องผ้าไหมนั้นคือโสมป่าที่บิดาของนางเพิ่งได้รับมาเมื่อไม่นานนี้ เขาไม่ยอมให้ขาย แต่ให้นางนำมามอบให้สวีลี่คังกับสวีฮูหยินบำรุงร่างกายแทน
“ท่านแม่ข้าไม่ได้อยู่ในห้องนอน” สวีเทียนหลินมองหญิงคนรักอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นนางขมวดคิ้วน้อยๆ ดูงดงามกลมกลืนไปกับดอกไม้เต็มลานเรือนแล้ว หัวใจก็อดหวั่นไหวขึ้นมาไม่ได้
เถาเม่ยเอ๋อร์ยิ้มอย่างเขินอาย จัดการเส้นผมที่หลุดร่วงลงมาให้เรียบร้อย ก่อนหันตัวกลับมาแล้วเดินไปบนทางที่ปูด้วยกลีบดอกไม้ มุ่งหน้าไปยังห้องโถงหลัก
สวีเทียนหลินเหม่อมองอย่างลุ่มหลงเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้สติกลับมาแล้วรีบก้าวติดตามไป
ภายในห้องโถงหลักยังคงมีผู้คนขวักไขว่ไปมา บนหน้าผากของสวีลี่คังผู้อ่อนล้าปรากฏหยาดเหงื่อเม็ดใหญ่ สวีฮูหยินที่อยู่ข้างหลังคอยโบกพัดให้เขา สามีภรรยารักใคร่ผูกพันลึกซึ้ง ช่างชวนให้ผู้คนนึกอิจฉา
“คนโบราณกล่าวไว้ว่าใช้ความคิดมากไปทำให้เหนื่อยล้า ควรพักผ่อนอย่างสงบ ฮูหยินท่านนี้ พอกลับไปแล้วทุกคืนก่อนนอนให้นั่งขัดสมาธิ งอนิ้วกดจุดหย่งเฉวียน และจุดจู๋ซานหลี่ ทั้งสองข้าง ทำรอบละห้าสิบถึงหนึ่งร้อยครั้ง จวบจนรู้สึกปวดชาและตึงตรงตำแหน่งที่กดแล้วค่อยพอ” กล่าวจบก็ตวัดพู่กันเขียนอักษร ‘สงบ’ ลงไปด้วยตนเอง
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นตาโตอ้าปากค้างมองรอยหมึกบนกระดาษที่เขียนอักษร ‘สงบ’ เอาไว้อย่างเด่นชัด ก่อนกล่าวอย่างไม่พอใจ “ท่านหมอสวี ท่านยังไม่ได้เขียนเทียบยาให้ข้าเลย นี่คืออะไรกัน”
“นี่ก็คือเทียบยา ขอเพียงฮูหยินกลับไปทำตามที่บอก หนึ่งเดือนให้หลังค่อยมาพบข้าอีกครั้ง”
“แต่ว่า…” สตรีวัยกลางคนผู้นั้นขมวดคิ้วแน่น โทสะค่อยๆ ผุดขึ้นมา “ข้าเสียเงินไปจำนวนมากเพื่อให้ท่านหมอสวีตรวจรักษา แต่กลับได้รับเพียงแค่อักษรนี้มาตัวเดียวกระนั้นหรือ”
สวีลี่คังส่ายศีรษะน้อยๆ “ฮูหยิน ยามนี้รู้สึกว่าในอกมีสิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ ลมปราณและเลือดไหลเวียนไม่สะดวกใช่หรือไม่”
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นชะงัก จากนั้นก็ผงกศีรษะ
“เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้ว สำหรับมนุษย์แล้วตับเทียบได้กับเป็นแม่ทัพใหญ่ ดูภูมิฐานทรงอำนาจ ไฟโทสะเสียดฟ้า การเกิดไฟโทสะของมนุษย์จึงอยู่ที่อวัยวะตับ ฮูหยินยังไม่ทันกล่าววาจาก็มีโทสะไปสามส่วนแล้ว นานวันเข้าจะทำให้ตับไม่อาจระบายไฟนั้นออก ติดขัดอยู่ตรงตำแหน่งนั้น ส่งผลให้ลมปราณและเลือดไม่สมดุล ย่อมทำให้เกิดอาการปวดหน้าอก สีข้าง และท้องน้อย หรือบางทีอาจปวดตุบๆ ที่ศีรษะและดวงตาจนถึงขั้นหมดสติได้”
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นได้ยินแล้วใบหน้าและหูพลันแดงก่ำทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นข้าที่ความรู้ตื้นเขินเอง”
“ต้องรู้ว่าวิธีรักษาของหมอก็เป็นเพียงสิ่งที่ช่วยเสริมเท่านั้น สุดท้ายการรักษาต้นเหตุของโรคที่แท้จริงก็ยังต้องพึ่งพาจิตใจอันแน่วแน่มั่นคงของคนไข้เองด้วย สองจุดนั้นเป็นจุดที่ทำให้ชีวิตยืนยาว ขอเพียงฮูหยินอดทนทำตามที่ข้าบอก รู้จักควบคุมตนเอง แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดรักษาอีก” กล่าวจบสวีลี่คังก็ผงกศีรษะให้สวีฮูหยิน สวีฮูหยินยิ้มอย่างเข้าใจ หยิบตำราเล่มหนาออกมาเล่มหนึ่งแล้ววางใส่ในมือของสตรีวัยกลางคนผู้นั้น