“นี่ไม่ใช่ ‘คัมภีร์จินกัง’ หรอกหรือ” สตรีวัยกลางคนผู้นั้นยังไม่กระจ่าง ทั้งนึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด
“อักษร ‘สงบ’ ของทางพุทธและเต๋ากับหลักการปรับสมดุลของพวกหมอเช่นข้าเทียบได้กับแม่น้ำลำธารที่สุดท้ายได้แต่ไหลลงสู่ห้วงสมุทร แต่เดิมล้วนมีความสัมพันธ์กัน”
“ฮูหยินท่านนี้ หลังกลับไปขอให้คัดลอก ‘คัมภีร์จินกัง’ หลายๆ รอบเถิด ฮูหยินย่อมกระจ่างแจ้งด้วยตนเองแน่นอน” สวีฮูหยินมองสามีตนเองอย่างเคารพเลื่อมใส และยิ้มน้อยๆ กล่าวกับสตรีวัยกลางคนผู้นั้น
สตรีวัยกลางคนผู้นั้นลุกขึ้นกล่าวขอบคุณ “คิดไม่ถึงว่าวิชาแพทย์ของท่านหมอสวีจะสูงส่งเพียงนี้ เมื่อฟังคำพูดของท่านหมอสวีจบข้าถึงได้กระจ่างขึ้นมา ตัวข้านั้นเป็นกบก้นบ่อ ช่างมีความรู้ตื้นเขินยิ่งนัก”
เถาเม่ยเอ๋อร์ฟังมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินเข้าไปหา “ฮูหยินท่านนี้อย่าได้ถือสา เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่าแต่ละคนย่อมมีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน หากไม่เข้าใจย่อมไม่แปลก การขจัดข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคก็เป็นหลักการของแพทย์เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ”
“เม่ยเอ๋อร์มาแล้ว” สวีลี่คังกับสวีฮูหยินต่างแย้มยิ้มยินดี
“ท่านพ่อให้เม่ยเอ๋อร์มาเยือน นำโสมป่าเก่าแก่ที่หาได้ยากมามอบให้ท่านลุงกับท่านป้าเจ้าค่ะ” เถาเม่ยเอ๋อร์ไม่รอให้สวีลี่คังกับสวีฮูหยินเอื้อนเอ่ยวาจาก็กล่าวต่อไปทันที “ท่านพ่อกำชับให้เม่ยเอ๋อร์ขอให้ท่านลุงกับท่านป้ารับเอาไว้ให้ได้ มิฉะนั้นกลับไปเม่ยเอ๋อร์จะต้องถูกลงโทษแน่นอน”
สวีฮูหยินส่ายศีรษะพลางยิ้มกล่าว “สหายเถาผู้นี้หนอ ช่างเอาใจใส่เหลือเกิน ลำบากพวกเจ้าสองพ่อลูกแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจรับเอาไว้เสียเลย เทียนหลิน เก็บเอาไว้ให้ดี”
สวีเทียนหลินเอื้อมมือใหญ่ข้างหนึ่งออกมารับโสม ก่อนยู่ปากใส่เถาเม่ยเอ๋อร์ “เป็นอย่างไร สุดท้ายก็ยังตกอยู่ในมือข้าอยู่ดี เหตุใดเจ้าจะต้องทำเรื่องอ้อมค้อมด้วยเล่า”
“เจ้า…” เถาเม่ยเอ๋อร์รู้ตัวว่าตนไม่มีทางหนีคำหยอกเย้าของสวีเทียนหลินได้พ้น ดังนั้นจึงก้มหน้าเสียเลย “เชิญท่านลุงทำธุระต่อไปเถิด เม่ยเอ๋อร์ไม่รบกวนแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
“เม่ยเอ๋อร์” สวีเทียนหลินถึงได้รู้ตัวว่าตนเองหยอกเย้าเถาเม่ยเอ๋อร์สำเร็จ ทว่ากลับไปล่วงเกินคนงามเข้าเสียได้ ในใจเขาย่อมหงุดหงิดขึ้นมา
บนข้อมือเถาเม่ยเอ๋อร์มีกำไลมุกวงหนึ่งทอประกายวาววับ นั่นคือหนึ่งในกำไลมุกคู่ที่เขามอบให้นางในปีนั้น ทว่าเพราะปีนั้นนางเผลอทำหายไปหนึ่งวงหลังจากไปส่งยาที่แม่น้ำฉินไหว เหลืออยู่เพียงวงเดียว เถาเม่ยเอ๋อร์จึงใช้เชือกสีแดงร้อยไข่มุกสวมไว้บนข้อมือ ไม่เคยปล่อยให้ห่างกายอีก อาภรณ์สีม่วงบนร่างนางพลิ้วไหว ดอกบัวสองดอกขยับแผ่วเบา นางค้อมศีรษะทำความเคารพสวีลี่คังและสวีฮูหยินภายใต้สายตาชื่นชมของทุกคน ก่อนหันกายกลับจะเดินออกไปทางประตูหลัก
“รอก่อน!” สวีเทียนหลินไม่สนใจรอยยิ้มเยาะเย้ยของทุกคน เขาเพียงคิดอยากติดตามนางไป
สวีลี่คังกับสวีฮูหยินมองสบตากันแล้วเม้มปากยิ้มไม่กล่าววาจาอีก เพียงแค่เริ่มทำการตรวจรักษาให้ผู้คนต่อไป