บทที่สี่
ราวกับคลื่นลมทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีเพียงภาพที่ตนเองกับเถาจ้งซานแอบมองบิดาปรุงยาสมุนไพร ยาสมุนไพรของสกุลเถาคุณภาพดี ไม่ว่าผู้ใดก็ชื่นชม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกิดจากขั้นตอนการปรุงยาที่ระมัดระวังรอบคอบยิ่ง ไม่เคยบกพร่องมาก่อน ทุกๆ ขั้นตอนล้วนไม่อาจหย่อนยาน ไม่มีวันเกิดข้อผิดพลาดขึ้นแน่นอน แล้วจะไปทำร้ายชีวิตผู้อื่นได้อย่างไร
“ไม่…ไม่…เป็นไปไม่ได้ ท่านพ่อ” เถาเม่ยเอ๋อร์ร้องเรียกเสียงต่ำ ยามที่ตื่นขึ้นมาสัมผัสได้ว่าทั้งร่างเปียกชุ่ม ในตอนที่กำลังสงสัยว่าเมื่อครู่ตนเองหมดสติไปได้อย่างไรก็พลันพบว่าเงาร่างของหลินจื่อเฟิงกำลังเดินผ่านห้องโถงกว้างเข้ามา ก่อนมาหยุดยืนบดยาสมุนไพรอยู่ใกล้ๆ เถาเม่ยเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าบนร่างของนางยังมีกลิ่นเบาบางของยาสมุนไพรอยู่ด้วย
“เจ้า?” นางใช้ปลายลิ้นแตะเพดานปากก่อนจะกล่าวอย่างตกใจ “เจ้าเป็นคนป้อนยาให้ข้าหรือ เจ้าให้ข้ากินยาอะไร แล้วเอาเทียบยามาจากไหน”
นางฝืนร่างกายลุกขึ้นยืน เห็นเพียงเขาหลบเลี่ยงสายตาของนาง ยังคงบดยาสมุนไพรต่อไป
“เจ้าเป็นคนเขียนเทียบยาเองหรือ”
นางรู้ว่าแม้ร้านไป่เฉ่าจะสะสมสมุนไพรไว้แทบทุกชนิด แต่ความรู้ด้านการจัดยานั้นหาใช่สิ่งที่สามารถซึมซับได้ในระยะเวลาอันสั้น อีกอย่างเขาย่อมไม่ไปขอให้คนสกุลสวีเขียนเทียบยาให้แน่นอน หรือจะบอกว่าเขาเขียนเทียบยาเองจริงๆ
เขานิ่งเงียบไม่พูดจา ไม่ยอมตอบข้อสงสัยของนาง เพียงกล่าวออกมาว่า “ดูท่าร้านไป่เฉ่าแห่งนี้จะมีแต่ชื่อเสียงเท่านั้น วันพรุ่งนี้ข้าต้องออกไปหาสมุนไพรตัวหนึ่งแล้ว”
“สมุนไพรอะไร”
“ไป๋จื่อ” เมื่อเขาสลัดท่าทีของโจรทิ้งไป กระทั่งน้ำเสียงที่พูดก็ฟังดูหนักแน่นขึ้นมา
ไป๋จื่อ? เถาเม่ยเอ๋อร์ใจเต้นแรง เขาไฉนเลยจะรู้ นามไป๋จื่อนี้เดิมทีเป็นชื่อของสวีฮูหยิน แต่เป็นเพราะเขาที่ทำให้สองสกุลไม่อาจมีวันเวลาอันสงบสุขได้อีก เขาต่างหากจึงจะเป็นตัวการที่แท้จริง ตอนนี้ยังมีสิทธิ์อะไรมาทำลายชื่อเสียงของร้านไป่เฉ่าอีก
นางฝืนเดินไปที่หน้าลิ้นชักยาวลิ้นชักหนึ่งก่อนออกแรงดึงออกมา ภายในนั้นเต็มไปด้วยไป๋จื่อเต็มลิ้นชัก หน้าตัดเรียบสีสันสดใหม่ วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ นับเป็นของชั้นเลิศ “ผู้ใดบอกว่าร้านไป่เฉ่าของเรามีแต่ชื่อเสียง ของพวกนี้มิใช่สิ่งที่เจ้าต้องการหรอกหรือ”
เขามองแล้วยิ้มบางๆ พร้อมส่ายศีรษะ ท่าทางไม่สะทกสะท้าน “ข้าหลงคิดว่าเม่ยเอ๋อร์เป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง ที่แท้ก็แค่นี้!”
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” นางข่มกลั้นคาวโลหิตที่พุ่งขึ้นมาถึงลำคอ ยิ่งมองตัวเขาไม่กระจ่างมากขึ้นทุกที
“ที่ข้าอยากได้ไม่ใช่ไป๋จื่อทั่วไป ข้าอยากได้เตียนไป๋จื่อ”
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
โดยไม่รอให้เขาพูดจบนางก็ต้องตกตะลึง ดูจากระดับความคุ้นเคยที่เขามีต่อยาสมุนไพรแล้ว ไม่น่าจะไร้หนทางจนถึงขนาดรับมือกับแค่โรคหนาวลมนี้ไม่ได้กระมัง เห็นได้ชัดว่าเป็นการมาหาเรื่องสกุลสวี จงใจมาแก้แค้นโดยแท้
“ในเมื่อรู้แก่ใจเหตุใดยังต้องถาม” สีหน้าของเขาแข็งกระด้างขึ้นอีกครั้ง