“ทำไมเจ้าต้องไปเป็นโจรด้วย เดิมทีเจ้ากับข้าก็ไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกัน เหตุใดถึงต้องสนใจความเป็นความตายของข้าด้วย หากข้าตายไปเสีย ไม่ใช่ทำให้เจ้าสมปรารถนาได้พอดีหรอกหรือ” แม้คำพูดจากปากเถาเม่ยเอ๋อร์จะไม่เปลี่ยน แต่ไม่รู้เหตุใดในใจนางจึงลอบรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา บุรุษอ่อนเยาว์ที่เปี่ยมด้วยความฉลาดผู้นี้ถึงกับละทิ้งความสะดวกสบายแล้วไปเข้าร่วมกับพวกโจร เพียงเพื่อแก้แค้นถึงกับลงไปในบึงโคลนที่ไม่อาจขึ้นมาเองได้อีก
“ยามนี้บรรดาอ๋องต่างยึดครองเมืองกันคนละแห่ง ต่างก็เฝ้ารอโอกาสที่จะก่อกบฏ ส่วนชาวเว่ยเองก็กำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด มีเจตนารุกรานเข้ามาในแถบเจียงหนาน ของพวกเรา ต้าเหลียงยังจะสามารถรุ่งเรืองไปได้อีกสักกี่ปี ภายในเมืองเจี้ยนคังแห่งนี้ นอกจากบทเพลงมักมากในกามและเสียงระฆังจากวัดที่ล่องลอยไปทั่วแล้ว ยังมีผู้ใดรับฟังเสียงความทุกข์ยากจากราษฎรจริงๆ อีก ต่อให้เป็นโจรภูเขาแล้วอย่างไร ขอเพียงมีใจยุติธรรมก็ยังดีกว่าหมอที่มีชื่อเสียงจอมปลอม ทนรับการโจมตีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวเป็นร้อยเท่า”
เขาปัดเศษยาที่เปรอะบนเสื้อออก สายตาร้อนระอุบาดลึกลงในหัวใจของนาง
“เจ้าว่าอะไรนะ” เถาเม่ยเอ๋อร์สงสัยว่าตนเองหูฝาดไปหรือไม่ นี่เป็นคำพูดจากโจรผู้หนึ่งจริงๆ หรือ
“ในฐานะหมอ หากสวมเปลือกนอกของวิญญูชน แต่ลับหลังกระทำเรื่องต่ำช้าไร้คุณธรรม ยังมิสู้ไปเป็นโจรเสียดีกว่า” เสียงของหลินจื่อเฟิงดุจค้อนหนักทุบลงบนหัวใจเถาเม่ยเอ๋อร์ “ชาวบ้านยากจนกินไม่อิ่มท้อง ไฉนจะยังมีเงินไปหาหมอ กลับกันบรรดาพี่น้องบนภูเขามักจะคอยช่วยส่งยาสมุนไพรให้ชาวบ้านอยู่เสมอ ข้าก็แค่ใช้ชื่อของโจร แต่สิ่งที่กระทำกลับเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เช่นเดียวกัน”
“เจ้า?” เถาเม่ยเอ๋อร์รู้สึกวิงเวียนศีรษะ บุรุษผู้ตัดพลังชีวิตของสวีและเถาสองสกุลตรงหน้าไปเองแท้ๆ ทว่ากลับกล่าวออกมาคำแล้วคำเล่าว่าตนกระทำเรื่องถูกต้องยุติธรรมเช่นเดียวกัน! ผู้ใดจะเชื่อได้ว่าเงาร่างของบุรุษเรียบง่ายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คือบุรุษลึกลับผู้ที่ไม่กี่วันก่อนนำโลงศพกับพวกโจรมาแก้แค้น เขากับสกุลสวีมีบุญคุณความแค้นระหว่างกันเช่นไรกันแน่
เรื่องราวในใต้หล้ายากจะคาดเดา เป็นเพราะบุรุษผู้นี้สกุลเถาถึงได้สูญเสียทุกสิ่งอย่างไปในคืนเดียว แต่นางกลับอยู่ร่วมห้องเดียวกันกับเขา ทั้งยังรับปากว่าในอนาคตจะเป็นภรรยาของเขา ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าที่ใดจึงจะเป็นที่พักพิงสุดท้ายของนางกันแน่
ปลายเท้าลื่นไถล ร่างกายอ่อนปวกเปียกพลันทรุดลงกับพื้น ทว่ากลับถูกมืออบอุ่นข้างหนึ่งประคองไว้ได้ทัน เมื่อตั้งใจมองไปก็ปะทะเข้ากับสายตาถามไถ่ของเขา ร่างกายไร้กำลังพิงแอบอิงอยู่ในอ้อมกอดเขา หัวใจที่อ่อนล้าไม่อาจทนรับพายุฝนมากกว่านี้ได้อีก มิสู้ปิดตาลงเสีย แล้วลืมเลือนการต่อสู้ทั้งหมดไปก่อนชั่วคราว
หัวใจกับความมืดได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ภายในห้องโถงงานศพตกแต่งด้วยสีขาว ควันธูปลอยหมุนวนเป็นเกลียว สายลมพัดหอบเอากระดาษเงินกระดาษทองจำนวนหนึ่งให้ลอยล่อง ภายในห้องโถงกว้างมีเพียงนางกับบุรุษแปลกหน้าผู้นี้นั่งอยู่เคียงข้างกัน แสงเทียนสลัวรางล่อลวงให้ฝุ่นธุลีในอากาศลอยเอื่อยอย่างเชื่องช้า ชวนให้จิตใจรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สงบ
บางทีนี่อาจเป็นแค่บทสรุปชั่วคราวเท่านั้น บางทีนี่อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้นของเคราะห์กรรมเท่านั้น หรือว่าบางทีจุดจบที่ผู้อื่นต้องบ้านแตกสาแหรกขาดก็คือความปรารถนาอันสูงสุดของเขา เป็นเพียงบทลงโทษหนึ่งที่มอบแก่ร่างกายและจิตวิญญาณเท่านั้น!
หลินจื่อเฟิงตกใจอย่างยิ่ง สตรีแกร่งนามเถาเม่ยเอ๋อร์ผู้นี้ในที่สุดก็ทนต่อความเจ็บปวดมากมายนี้ไม่ไหวเช่นกัน กระทั่งกลายเป็นอ่อนแอปวกเปียกไร้สติไป โฉมสะคราญที่งามประดุจต้นไม้ใต้แสงจันทร์อ่อน ทำให้ผู้คนไม่กล้าสัมผัสตามใจ เขามองดูร่างงดงามที่ทุกข์ใจอย่างลุ่มหลง ความขุ่นแค้นชิงชังคล้ายจะเลือนหายไปช้าๆ