ร่างกายบอบบางของนางค่อยๆ แข็งเกร็งขึ้นตามราตรีที่ดึกขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาคู่งามแม้จะบวมขึ้นทีละน้อย ทว่ากลับยังคงกระจ่างใสเหมือนดั่งต้นหมีเตี๋ยเซียง ที่มารดาปลูกเอาไว้เต็มแปลง นั่นคือต้นไม้จากแดนตะวันตกที่เฉาจื่อเจี้ยน เคยกล่าวชื่นชม ต้นหมีเตี๋ยเซียงนั้นมีกิ่งเรียวอ่อน ทั้งยังแผ่กลิ่นหอมประหลาดเย้ายวนออกมาเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นนาง หัวใจของเขาก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึกร้อนรนและกระสับกระส่ายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนถึงขั้นเกือบจะหลงลืมคำเตือนของมารดาไป
ยามนั้นขณะที่เขาอยู่เบื้องหน้าแปลงต้นหมีเตี๋ยเซียง ต้องใช้เวลาสงบใจอยู่พักหนึ่งกว่าจะรับฟังคำพูดของมารดาอย่างละเอียดได้ มารดาบอกว่ายอมให้บุรุษที่นางรักมาตลอดชีวิตมีความสุข แต่จะไม่ยอมทำลายชื่อเสียงของบุรุษผู้นั้น ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรบุรุษผู้นั้นก็คือผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลแพทย์อันเลื่องชื่อ สำหรับคนผู้นั้นแล้ว ชื่อเสียงดีงามย่อมล้ำค่ากว่ารักแท้
เขารู้ตัวว่าไม่อาจขัดขืนการมอมเมาจากหญิงงามที่ประดุจต้นหมีเตี๋ยเซียงตรงหน้านี้ได้ จึงลุกขึ้นยืนแสร้งทำตัวผ่อนคลายพลางยิ้มกล่าว “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าต้องจดจำไว้ว่าตอนนี้เจ้าไม่มีอิสระเป็นของตนเองอีกแล้ว ดีที่สุดก็อย่าทำตัวดื้อดึงเลย ยามนี้ชีวิตของเจ้าเป็นของข้า!”
เบื้องหน้ามีเพียงความเงียบงัน ก่อนที่มารดาจะเสียชีวิตเคยกล่าวไว้ ‘ลูกรัก ใบหน้าเจ้าผิดแปลกไป ตามความเชื่อของพวกเราชาวฝูหนานก็หมายความว่าเคราะห์รักได้มาเยือนแล้ว’
เดิมทีหนนี้เขาตั้งใจมาทวงหนี้กับสองพ่อลูกสกุลสวี ยามนี้บัญชีเก่ายังไม่ชำระ หนี้ใหม่ก็เพิ่มเข้ามาอีก ขณะนี้สตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ได้ครองพื้นที่ในใจเขาไปจนหมด ทำให้ความเจ็บปวดจากการสูญเสียมารดาของเขาได้รับการเยียวยา
สัมผัสอันอ่อนนุ่มหอมหวานนั้นทำให้จิตใจเขาสั่นกระเพื่อม เถาเม่ยเอ๋อร์ เจ้ามาจากที่ใด ราวกับเป็นมารดาของข้าอย่างไรอย่างนั้น ข้ามภูเขาและห้วงสมุทร มาจากอาณาจักรฝูหนานอันห่างไกลหรือ
ในใจเขาถึงกับคาดหวังให้สตรีผู้นี้มิใช่ราษฎรชาวต้าเหลียง เช่นนี้เขาก็จะมีเหตุผลในการพานางจากไปยังที่ไกลแสนไกล ทว่ายามที่เขาได้เห็นสตรีผู้ภายนอกบอบบางแต่ภายในแข็งแกร่งทุ่มเทใจปกป้องสกุลเถา เขาก็ถึงกับเปลี่ยนความตั้งใจเดิมอย่างช่วยไม่ได้ อยากจะรั้งอยู่ในเมือง ไม่กลับไปใช้ชีวิตอิสรเสรีดุจเทพเซียนอีก
สายลมแฝงกลิ่นหอมอ่อนโชยผ่าน ฝนดาวตกบางตาวาดผ่านธาราสีเงิน ความเจ็บปวดบาดลึกลงไปในกระดูก ความปวดใจในวันนี้ราวกับการขูดกระดูกเพื่อรักษาบาดแผล ทุกๆ หยาดน้ำตาล้วนสร้างรอยร้าวลงบนจิตวิญญาณ
เถาเม่ยเอ๋อร์รู้สึกเหมือนตนเองผ่านช่วงแห่งความเป็นความตายมาอย่างยาวนาน ความเจ็บปวดของหัวใจกับร่างกายชวนให้คนยากลืมเลือนไปตลอดชีวิต นางลืมตาขึ้นมาช้าๆ ยามรุ่งสางที่แสงอาทิตย์สาดส่อง ภาพที่สะท้อนเข้ามาในดวงตายังคงเป็นเงาร่างที่บุกรุกเข้ามาในชีวิตนางอย่างกะทันหัน…ร่างของคนผู้นั้น
บนร่างของเขาไม่มีกลิ่นอายอำมหิตและขุ่นแค้นเฉกเช่นวันเก่า มีเพียงความเฉยชาและนิ่งสงบ บุรุษผู้นี้เป็นเขาจริงๆ หรือ