บทที่หก
เมืองหลวงในเดือนห้า แสงแดดงดงามดั่งภาพฝัน คล้ายเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นอ่อนโยน ตรงกันข้ามกับเถาเม่ยเอ๋อร์ในยามนี้ที่ยิ่งเดินออกมานอกเมืองไกลมากขึ้นเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจมากเท่านั้น
รถม้าทั้งในและนอกเมืองยังคงสัญจรผ่านไปมา ทุ่งหญ้ารอบกายแผ่ไพศาลเปี่ยมด้วยความอุดมสมบูรณ์ ไกลออกไปเป็นทิวเขาเขียวชอุ่มอันสลับซับซ้อน ทว่าคล้ายกำลังจะมีฝนตกลงมา
เถาเม่ยเอ๋อร์อาศัยตอนที่หลินจื่อเฟิงออกไปข้างนอกสั่งให้จินเจิ้งปิดร้านแล้วออกนอกเมืองมาด้วยกัน เนื่องจากได้ฟังชาวไร่ผู้หนึ่งกล่าวว่าใกล้ๆ กับเขาชีสยานั้นมีเซียนชุดขาวผู้หนึ่งเคยใช้นอแรดช่วยชีวิตคนตัดฟืนที่ขึ้นไปตัดฟืนบนเขา
ชาวไร่ผู้นั้นแต่ไรมาก็พูดจาซื่อสัตย์และรอบคอบมาโดยตลอด ในเมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมาย่อมไม่ใช่ข่าวที่เชื่อถือไม่ได้แน่ มีค่าควรที่จะให้ไปค้นหา
เถาเม่ยเอ๋อร์จึงแต่งกายอย่างเรียบง่ายแล้วเดินออกมาด้วยฝีเท้าที่ว่องไว
“คุณหนู เขาชีสยาลูกนั้นอยู่ห่างจากเมืองหลวงถึงสี่สิบกว่าลี้ พวกเราเดินไปเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะไปถึงเมื่อใด และต่อให้ไปถึงเขาชีสยาแล้ว พวกเราจะสามารถตามหาผู้สูงส่งท่านนั้นพบจริงๆ หรือ หรือต่อให้ตามหาผู้สูงส่งท่านนั้นพบจริง แต่ผู้อื่นเขาจะยอมมอบสมุนไพรที่ล้ำค่าเช่นนั้นให้พวกเราจริงๆ หรือ” จินเจิ้งสะพายล่วมยาติดตามเถาเม่ยเอ๋อร์ เขาวิ่งจนเหงื่อออกเต็มใบหน้า
“จินเจิ้ง เป็นสกุลเถาของพวกเราที่ติดค้างสกุลสวี ขอเพียงพวกเราทำได้ก็จะต้องพยายามให้ถึงที่สุด เชื่อมั่นในความเป็นไปได้สิ ข้าจะต้องหามันพบอย่างแน่นอน!”
บนทางสายหลักที่มองไม่เห็นปลายทางมีฝุ่นควันคละคลุ้ง ขอทานกลุ่มหนึ่งทยอยกันเข้ามามิขาดสาย
“เหตุใดจู่ๆ จึงมีขอทานมามากมายเพียงนี้” เถาเม่ยเอ๋อร์ประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
ขอทานชราผู้หนึ่งเดินไปกุมท้องไป สีหน้าปรากฏอาการทุกข์ทรมาน ตอนที่เถาเม่ยเอ๋อร์กำลังนิ่งอึ้งอยู่นั้น ขอทานชราก็พลันทรุดลงบนพื้น
“ท่านลุง” เถาเม่ยเอ๋อร์พุ่งเข้าไปหาตามจิตใต้สำนึกพร้อมแหวกกลุ่มคนที่มุงอยู่ออก
ขอทานชราผู้นั้นหน้าเหลืองราวเทียนไข หมดสติไปเรียบร้อยแล้ว
เถาเม่ยเอ๋อร์ยื่นมือไปหยั่งลมหายใจของเขา สัมผัสได้ว่ายังคงมีไอร้อนอยู่เล็กน้อย ทั้งเขายังมีอาการชักกระตุกที่เกิดจากความเจ็บปวด ใบหน้าจึงบิดเบี้ยวไปบ้าง
“จะต้องกินอะไรผิดสำแดงมาแน่” มีคนกล่าว
ยามนั้นเองขอทานเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่อยู่ด้านข้างก็ร้องไห้ขึ้นมา “ผู้เฒ่าทนความหิวโหยมาหลายวัน จู่ๆ ก็มีคนมีฐานะนำลูกพลับแห้งกล่องหนึ่งมามอบให้ ผู้เฒ่ากล่าวว่าตั้งแต่เด็กตนก็ชอบขโมยลูกพลับของบ้านอื่นกิน ยามนั้นดีใจจึงกินไปสองชิ้นติดๆ กัน จากนั้นก็เหงื่อออกไม่หยุด ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด”
“ผู้เฒ่านอนกลางดินกินกลางทรายมาโดยตลอด ยามนี้กินจนท้องไส้ไม่ดี เกรงว่า…” จินเจิ้งพึมพำ