“พี่เถา ท่านเชื่อว่าบรรดากองหนุนเหล่านั้นจะมาถึงเช่นกันหรือ” สือรุ่ยเซียงลุกขึ้นยืน ไม่ยิ้มแย้มพูดจาอีกต่อไป “ในเมืองต่างกำลังเล่าลือกันว่าองค์ชายแต่ละองค์ล้วนแต่คิดอยากนั่งบนบัลลังก์มังกร ความวุ่นวายเช่นนี้มิใช่ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับพวกเขาหรอกหรือ”
“แต่บรรดาองค์ชายเหล่านั้นจะแตกความสามัคคีจนไม่สนใจความชอบธรรมของแผ่นดิน ยินยอมถูกประณามว่าเป็นผู้เนรคุณจริงๆ หรือ”
“ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร เพื่อใต้หล้า ผลประโยชน์แค่นี้นับเป็นสิ่งใดได้ พี่เถาเมตตาเกินไป ลืมนึกถึงสันดานโลภของมนุษย์ที่ได้คืบจะเอาศอกไปเสียแล้ว”
“เรื่องนี้…”
“รุ่ยเซียงเป็นสตรีธรรมดา สนใจแต่กิจในครอบครัวตนเอง ไม่อาจสนใจเรื่องบ้านเมืองอะไรได้ไหว หากสามารถแต่งให้บุรุษที่พึงใจได้ นั่นต่างหากจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ในฐานะสตรี ต่อให้มีความสุขได้เพียงวันเดียวกับบุคคลที่ตนรัก แม้ตายไปก็ยังเต็มใจ พี่เถา ท่านเห็นด้วยหรือไม่”
“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงๆ หรือ” เถาเม่ยเอ๋อร์กัดฟันแล้วตัดสินใจอย่างเด็ดขาด “ขอเพียงพี่หลินรับปาก ข้าจะต้องตัดสินใจให้แน่ เจ้า…”
“พี่เถา ท่านพ่อยังกล่าวว่าเมืองเจี้ยนคังแห่งนี้ประสบความวุ่นวายกะทันหัน จึงไม่ได้กักตุนอาหารเอาไว้มากพอ ข้าวสารภายในเมืองนี้เพียงพอให้กินครึ่งปีเท่านั้น ไม่รู้ว่ากองหนุนจะยกทัพมาเมื่อใด หากไม่อาจทนได้ถึงยามนั้น ผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดเดาได้ พวกเราที่ยังมีชีวิตตัวเป็นๆ ในวันนี้ ไม่รู้ว่าจะต้องหิวตายแล้วกลายเป็นกองกระดูกขาวให้หมาป่ากลืนกินลงไปเมื่อใด”
เถาเม่ยเอ๋อร์ตั้งสติกล่าวต่อ “รุ่ยเซียง ปกติเจ้าดูบอบบาง นึกไม่ถึงว่าวันนี้การมองโลกกลับเปิดกว้างถึงเพียงนี้”
“พี่เถา ไม่ใช่ว่ารุ่ยเซียงมองการณ์ไกล แต่เป็นเพราะวันนี้ลูกธนูถูกรั้งอยู่บนสาย ไม่อาจไม่ปล่อยได้แล้ว ภายในเมืองมีบุรุษสตรีจำนวนมากจับคู่แต่งงานกันอย่างรวดเร็วเพื่อเป็นการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงชั่วคราว นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์สงบสยบการเคลื่อนไหว พี่เถาเห็นด้วยหรือไม่”
เถาเม่ยเอ๋อร์ตระหนักได้ว่าวาจาบีบคั้นผู้คนของสือรุ่ยเซียงนี้ได้ผ่านการใคร่ครวญมาแล้ว เป็นการมาโดยเตรียมพร้อมมาก่อน นางจึงถอนหายใจก่อนกล่าว “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง รอประเดี๋ยวข้าจะไปถามความยินยอมของเขาแล้วมาบอกกับเจ้า”
สือรุ่ยเซียงผ่อนคลายลง กลายเป็นคนละคนกับผู้ที่มีท่าทีจริงจังเมื่อครู่นี้ “เช่นนั้นต้องขอขอบคุณพี่เถาแล้ว รุ่ยเซียงขอตัวก่อน หากมีข่าวคราวใดได้โปรดบอกรุ่ยเซียงด้วยนะเจ้าคะ”
กล่าวจบสือรุ่ยเซียงก็มองไปยังเงาร่างสีขาวที่กำลังยุ่งง่วนอย่างลุ่มหลงอีกคราหนึ่งก่อนจากไป
เถาเม่ยเอ๋อร์ไม่อาจทนรับแรงกดดันที่ทำให้อ่อนล้าไปทั้งกายใจได้อีก นางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หิน บรรดาสากบดยา เครื่องบดยาวางระเกะระกะอยู่ด้านข้าง กองถั่วดำและถั่วเหลืองที่ยังคัดแยกไม่เสร็จกระจายอยู่บนพื้น ภายในห้องด้านในมีเสียงกรนแผ่วเบาดังออกมา นางยิ้มขื่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่