นางทอดสายตามองออกไปที่ห้องโถงด้านนอกอย่างเศร้าโศก เงาร่างเรียบง่ายนั้นยังคงเคลื่อนไหวไปมา นึกไม่ถึงว่าบุรุษภายใต้เสื้อคลุมโจรผู้นั้นจะเป็นหมอที่ช่วยเหลือผู้คน ในการทำชั่วตามอำเภอใจกลับยังมีจิตใจเมตตากรุณา
ธรรมะและอธรรมหลอมรวมอยู่ในร่างเดียว ที่สุดแล้วด้านไหนจึงจะเป็นตัวตนจริงๆ ของเขากันแน่
ใบหม่อนปลิดโปรยลงมาเต็มพื้น ตอนที่นางเก็บมันขึ้นมาก็พบว่าสายตาตนเองพร่าเลือน เส้นสายของใบหม่อนกลับเลือนหายไป
“เจ้าร้องไห้?” ไม่รู้ว่าใบหน้าของหลินจื่อเฟิงขยับเข้ามาประชิดตั้งแต่เมื่อใด
“มิใช่เสียหน่อย” เถาเม่ยเอ๋อร์หลบเลี่ยงสายตาของเขา “ก็แค่ฝุ่นผงเข้าตาเท่านั้น”
“ข้าจะไปเอายามาให้เจ้า”
“ไม่ต้องแล้ว พักผ่อนสักครู่ก็พอ คนไข้ผู้นั้นกลับไปแล้วหรือ” เถาเม่ยเอ๋อร์ปากไม่ตรงกับใจ ลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนล้า ไม่รู้เหตุใดตนเองจึงปวดใจเช่นนี้
หลินจื่อเฟิงไม่กล่าววาจา มองดูเถาเม่ยเอ๋อร์ดึงกิ่งไม้ที่รั้งอยู่กับอาภรณ์ออกเงียบๆ เห็นนางร่างกายโซเซก็ยิ่งรู้สึกปวดใจมากกว่าเดิม เขามองเห็นสือรุ่ยเซียงเดินอมยิ้มจากไปเงียบๆ จากที่ไกลๆ นานแล้ว ตระหนักดีว่าอีกฝ่ายมาที่นี่ด้วยเหตุใด ทว่ากลับแสร้งทำเป็นไม่รู้ สตรีโง่งมตรงหน้าผู้นี้จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาละทิ้งทุกอย่างและมาที่นี่เพียงเพื่อนางเท่านั้น
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้ามีเรื่องต้องคุยกับเจ้า เจ้ามีความเป็นมาเช่นไรกันแน่” เถาเม่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปาก สาบานว่าหากเขาไม่กล่าวความจริง นางก็จะไม่สนใจเขาอีกต่อไป
เขาถอนหายใจอย่างหนักหน่วงก่อนส่ายศีรษะกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเลวร้ายจริงๆ หรือ”
“ร่วมมือกับโจร บุกรุกที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน แย่งภรรยาผู้อื่น ทำร้ายผู้คน ความสุขสงบของสกุลสวีและสกุลเถาทั้งสองสกุลล้วนพินาศลงด้วยน้ำมือเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นคนดีอยู่อีกอย่างนั้นหรือ”
หากกล่าวว่านางไม่รู้สึกเกลียดชังบุรุษที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเป็นไปได้เลย ทว่าในเบื้องลึกของหัวใจกลับมีการขัดขืนที่อธิบายไม่ถูกอยู่เสมอ ไม่เต็มใจยอมรับการกระทำของเขา แต่ถึงขั้นคิดอยากช่วยเขาชำระล้างความผิดที่มี
เถาเม่ยเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว เหตุใดเมื่อเขาอยู่ตรงหน้าจึงมักเสียกิริยาอยู่เสมอ
ใบหม่อนบอบบางที่อยู่ในมือนางมีน้ำสีเขียวไหลซึมออกมา ย้อมเปรอะเปื้อนไปตามร่องนิ้ว
“ข้าเคยกล่าวแล้วว่าขอเพียงเป็นเรื่องที่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่ว่าเจ้าจะมีฐานะใดล้วนไม่สำคัญ บนโลกใบนี้ ขอเพียงไม่ทำเรื่องละอายต่อใจตนเองเป็นพอ”
ในหัวใจเขามีความวูบโหวงผุดขึ้นมาเป็นระลอก หากกล่าวถึงเรื่องเห็นแก่ตัวที่สุดที่เขาทำ นั่นก็คือการแย่งตัวเถาเม่ยเอ๋อร์มาไว้ข้างกายตนเอง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่อาจไม่ทำเช่นนี้ หากสายกว่านี้ความแค้นที่หยั่งรากลึกคงเป็นเช่นมารดาที่แม้วันตายก็ยังนำติดตัวไปด้วย เขาไม่ต้องการเดินซ้ำรอยเดิมของมารดา ในเมื่อเขารักเถาเม่ยเอ๋อร์ก็ย่อมต้องการจะอยู่เคียงข้างนางไปตลอดชีวิต ไม่พรากจากกัน
“เจ้าได้ทำสิ่งใดที่ละอายต่อใจตนเองบ้างหรือไม่” เถาเม่ยเอ๋อร์เผชิญหน้ากับเขากะทันหัน นัยน์ตาใสกระจ่างดุจลูกธนูน้ำแข็ง แทงทะลุเข้าไปถึงจิตวิญญาณเบื้องลึกของเขา
ชั่วพริบตานั้นเขาคล้ายถูกสั่นคลอน
“หากข้าบอกถึงภูมิหลังของข้า เจ้าจะไม่เกลียดข้าอีกต่อไปหรือ” นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายคมปลาบราวกับเหล็กกล้าที่เพิ่งออกมาจากเตาหลอม
เถาเม่ยเอ๋อร์รู้สึกหวั่นไหว น้ำเสียงถึงกับสั่นสะท้านไปเล็กน้อย
(ติดตามต่อในเล่ม)