‘คนชั่วโมงบินสูง’ ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เธอคิดแต่จะช่วยญาติที่รักเหมือนพี่ชายให้รอดพ้นจากแม่ม่ายสาวตัวร้าย และท่าทางที่เธอแสดงออกกับเขาก็เป็นความสนิทสนมฉันพี่น้อง ไม่คิดว่าจะมีคนตีความเป็นตุเป็นตะไปถึงไหน
ไปรยายอมรับว่าสะใจลึกๆ เมื่อเห็นแม่ม่ายคนงามนั่งคอแข็ง หน้าเข้มคล้ำด้วยความโกรธ ถ้าเปรียบธีรภัทร์เป็น ‘หมู’ รอหาม ตัวเธอก็แปรสภาพเป็น ‘คาน’ เข้าไปสอดเรียบร้อยแล้ว
“แหม…บังเอิ๊ญ…บังเอิญนะคะ มาเจอกันที่นี่ได้”
หญิงสาวพูดเจื้อยแจ้วด้วยท่าทางไร้เดียงสา
“ค่ะ” แม่ม่ายสาวรับคำด้วยเสียงที่เหมือนรีดเค้นออกจากไรฟัน เพราะหลายครั้งแล้วที่ไปรยาเป็นคานเข้ามาสอด เป็นยาดำเข้ามาแทรก เป็นก้างขวางคอ เป็นขวากหนามชิ้นใหญ่แทงตาแทงใจเธออยู่นี่
“ปายมีนัดกับเพื่อน แต่ยายจอยโทรมาบอกว่ามาไม่ได้ ไม่สบาย ปายเลยต้องเคว้งอยู่คนเดียว ปายเคยมากินสเต็กที่นี่หลายหน อร่อยมาก ก็เลยแวะเข้ามา คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอพี่ภัทร์กับคุณชล โชคดีจังเลยค่ะ”
แต่แม่ม่ายสาวคงไม่คิดอย่างเดียวกัน เพราะดวงตาที่ตกแต่งอย่างงดงามลุกเรืองราวกับเปลวไฟ ซึ่งถ้าเป็นจริง ไปรยาคงเหลือแค่ขี้เถ้ากองเดียวแน่
หญิงสาวหลบสายตาพิฆาตด้วยการหันไปสั่งอาหาร ก่อนปั้นหน้ากลับมาชวนคุยเรื่อยเปื่อยแบบหลอกด่าในที แกล้งพูดถึงข่าว ละคร ไม่ก็โฆษณา แล้วทำท่าหงุดหงิดไม่พอใจความงี่เง่าสิ้นคิดของผู้หญิงบ้ารัก วางแผนตกเบ็ด อ่อยเหยื่อแบบไร้ความคิดสร้างสรรค์ อย่างจงใจกระทบกระเทียบให้แม่ม่ายสาวแสบคันหัวใจเล่น
ธีรภัทร์ซึ่งทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีพยายามกลั้นยิ้มไว้สุดความสามารถ คิดในใจว่าญาติผู้น้องแม้จะดูหวาน เอาเข้าจริงก็ร้ายใช่เล่น ทำเอาแม่ม่ายคนงามตกอยู่ในสภาพอิหลักอิเหลื่อ ไม่กล้าเอะอะตอบ กลัวเป็นการร้อนตัวว่าตนเป็นเช่นนั้น จึงได้แต่ทำสงครามทางสายตา แต่ไปรยาสะทกสะเทือนที่ไหน มองว่ามันเป็นเรื่องน่าขัน จึงยั่วเอาๆ อย่างเมามัน…ไม่รู้สักนิดว่ามีใครบางคนเฝ้ามองบทบาทของเธออย่างมีอคติสุดๆ…
“วันพฤหัสหน้านี่วันเกิดคุณชลใช่ไหมคะ”
ไปรยาเอ่ยถามขึ้นในตอนหนึ่งของการสนทนา ซึ่งเธอกินพลางคุยเจื้อยแจ้วราวนกแก้วนกขุนทอง ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้สุดฤทธิ์สุดเดชว่าตัวเองมีอิทธิพลทำให้แม่ม่ายสาวรวบช้อน หมดความอยากอาหารมากแค่ไหน
ชลธิษามองคนถามอย่างระมัดระวัง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
“ค่ะ น้องปายรู้ได้ยังไงคะ”
ขืนตอบตามตรงว่าธีรภัทร์บอกก็จบเห่…ไปรยาจึงแกล้งยอให้หมูบินได้หน่อย
“ก็คุณชลเป็นคนดังของจังหวัดนี่คะ ใครๆ เขาก็รู้ข่าวคราวของคุณชลกันทั้งนั้น”
นั่นไง แม่ม่ายสาวยิ้มปลื้ม หน้าบานเป็นดอกไม้แปดกลีบให้เห็นเป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้ โธ่…แม่คุณเอ๋ย ช่างไม่รู้เสียเลยว่าถูกด่ากระทบ ในสังคมแคบๆ ของที่นี่ แทบทุกคนรู้ข่าว ‘คาว’ ของเธอมากกว่าข่าวคราวความเคลื่อนไหวทั่วไปเสียอีก
“พี่ไม่มีชื่อเสียงขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกค่ะ…ปีนี้ครบเท่าไหร่คะคุณชล”
“ยี่สิบสี่ค่ะ”
ไปรยาแทบจะสำลักหัวเราะ ต้องสะกดกลั้นไว้ในใจแทบแย่ แต่ประกายตาวิบวับด้วยความขันนั้นทำยังไงก็หยุดไม่ได้ ต้องหลุบแพขนตายาวงอนดกหนาบังไว้
ยี่สิบสี่…พูดมาได้ไม่อายปาก…แต่เธอก็อาจเชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่รู้ข้อมูลมาจากป้าธีรดาที่หวงลูกชายคนเดียวเอามากๆ ถึงขนาดตรวจสอบพื้นเพผู้หญิงที่มีข่าวคราวกับธีรภัทร์แบบละเอียดยิบ จึงรู้ว่าแม่ม่ายสาวคนงามสามสิบกะรัตเข้าไปแล้ว หากใบหน้าที่ไปทำศัลยกรรมมาเกือบหมด (ป้าดาเล่าให้ฟังอีกเหมือนกัน) ดูสวยพริ้งเหมือนสาววัยยี่สิบต้น