“ไอ้พิ มึงจะชะเง้อมองเขาไปถึงไหน ข้าวปลาไม่คิดจะกินแล้วรึไง มองสาวแล้วอิ่มเรอะ”
เอกภพออกปากอย่างนึกขำพฤติกรรมเพื่อน ที่แม้จะปรามาสหญิงสาว แต่กลับวนเวียนสายตาไปทางโต๊ะนั้นจนไม่เป็นอันกิน ทั้งที่เป็นฝ่ายชวนเขาลงมาหาอะไรกินข้างล่างแท้ๆ
“พูดบ้าอะไรวะ”
พอถูกทักที พิรัลก็หันมาตักข้าวใส่ปากซะที เอกภพมองพลางส่ายหัวขำๆ ก่อนตั้งข้อสังเกตต่อ
“ท่าทางมึงสนใจเขามากนะ”
“กวนประสาทกูแล้วอิ่มรึไง” พิรัลรวนกลับ
“ยอมรับมาเถอะน่าว่ามึงสนแม่สาวตาคมผมสวยคนนั้น”
“เออ…ข้าอยากรู้ว่ายายนั่นราคาเท่าไหร่”
“เฮ้ย!” เอกภพร้องอย่างตกใจกับคำตอบทื่อๆ ที่ค่อนข้างหยาบคายนั่น “แค่เห็นเขาเข้าไปหาผู้ชายสองหน มึงจะเหมาว่าเขาเป็นผู้หญิงอย่างนั้นเลยเรอะ!”
“ก็ผู้หญิงดีที่ไหนทำตัวอย่างแม่คนนี้ล่ะ เดินมาให้ท่ามึงถึงที่ แล้วนี่ก็ไปนั่งเบียดกระแซะเจ้าหนุ่มนั่น ทำเอาลืมคู่รักที่มาด้วยกันไปเลย ถ้าไม่ได้เป็นผู้หญิงอย่างว่าแล้วจะเป็นผู้หญิงอย่างไหน”
พิรัลแย้งอย่างมีเหตุผล แต่เพื่อนหนุ่มนิ่วหน้าไม่เห็นด้วย
“กูไม่คิดอย่างนั้นว่ะ กูว่าเขาไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้นแน่ ตอนที่เขามาให้ท่ากูน่ะ” น้ำเสียงที่เท้าความหลังมีแววตะขิดตะขวง “เขายิ้มหวาน…ทำตาหวานเยิ้มก็จริง แต่ดวงตาไม่มีไฟเลย…มึงอาจไม่ทันสังเกต เพราะไม่ได้จ้องตาเขาเหมือนกูนี่”
“มึงตาถั่วเปล่า ตั้งแต่มีน้องดาวฝีมือตกไปเยอะนี่”
พิรัลท้วงอย่างไม่ยอมจำนน จึงถูกเอกภพแยกเขี้ยวใส่
“ไอ้บ้า อย่าดูถูกฝีมือกันนะเฟ้ย ถึงกูจะทิ้งลายแล้ว แต่เสือก็ยังเป็นเสือ ของแบบนี้มองปราดเดียวก็รู้ ว่าแต่มึงเหอะ เป็นเสือตัวจริงหรือเป็นแมวลายเสือกันแน่ ของแค่นี้ถึงมองไม่ออก”
“ยายนั่นชั่วโมงบินสูง ที่มึงเห็นอาจเป็นเกมเรียกร้องความสนใจที่เขาเชี่ยวชาญมากก็ได้”
ชายหนุ่มว่าอย่างดึงดัน เชื่อมั่นในสิ่งที่เห็นและอยากเชื่อเต็มพิกัด ความที่รู้จักนิสัยใจคอกันดีทำให้เอกภพหมดใจเกลี้ยกล่อม ด้วยรู้ว่าต่อให้พูดจนน้ำลายหมดบ่อก็คงเปลี่ยนใจเพื่อนไม่ได้…ต้องให้มันค้นพบความจริงด้วยตัวเองนั่นแหละถึงจะยอมสยบ
“เหอะ ขี้เกียจเถียงกับคนหัวแข็งอย่างมึงแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นคนยังไงก็หาทางพิสูจน์เองแล้วกัน ยังไงก็ระวังตัวหน่อยล่ะ ถ้าเขาเป็นอย่างที่กูพูดจริง…หน้ามึงคงได้ถูกตีนกาอันเบ้อเริ่มประทับแน่…ขี้เกียจหัวเราะเยาะทีหลังว่ะ”
หลังจากขับรถไปส่งชลธิษาเสร็จ ธีรภัทร์ก็พาญาติผู้น้องวกกลับมาที่โรงแรมเดิมอีกครั้ง เนื่องจากไปรยาขับรถมาเอง แต่จำเป็นต้องมุสาเพราะไม่อยากให้ธีรภัทร์ไปส่งแม่ม่ายสาวคนงาม กลัวจะเกิดรายการ ‘ต่อ’ ที่นั่น ใช่ว่าเธอไม่ไว้ใจญาติผู้พี่…คนที่ไม่ชวนให้ไว้ใจจริงๆ คือแม่ม่ายสาวมากเล่ห์ผู้นั้นต่างหาก
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง…ย่อมมีมารยาร้อยเล่มเกวียน แล้วผู้หญิงชั่วโมงบินสูงอย่างชลธิษาก็น่ากลัวนัก หาไม่แล้วคงไม่สามารถหลอกล่อเศรษฐีเฒ่าให้จดทะเบียนสมรส และเขียนพินัยกรรมยกสมบัติให้ตัวเองตั้งครึ่งค่อนได้หรอก
“ป่านนี้คุณชลธิษาคงสาปแช่งส่วนเกินอย่างปายไม่หยุดแล้วมั้ง”
ไปรยาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความขัน ยังจำภาพแม่ม่ายสาวที่นั่งหลังตรง คอแข็ง พยายามอดทนเธอที่ชอบขัดคอ ผูกขาดการสนทนากับธีรภัทร์ได้ติดตา…ถ้าสายตาคนเป็นศาสตราวุธ…ตัวเธอเห็นจะจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นแน่
“เรากังวลกับเรื่องนั้นด้วยเหรอ”
“คนอย่างปายไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าหรอก หนักสมองเปล่าๆ ว่าแต่พี่ภัทร์เหอะ…ทำตัวเป็นหนุ่มทึ่มจนคุณชลธิษาตายใจเลย นี่ถ้าเธอรู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนการของพี่ มีหวังได้อกแตกตายแน่”
หญิงสาวแหย่ญาติผู้พี่ที่เพียงแต่ยิ้มนิดๆ ก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด เพราะไม่ค่อยชอบเอ่ยถึงผู้หญิงลับหลัง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
“เห็นว่าอาทิตย์หน้าแม่พี่กับแม่เราจะไปทัวร์ใต้กัน เราไม่ไปกับเขาด้วยเหรอยายหนูปาย”
“ขี้เกียจนั่งรถค่ะ คราวก่อนลงไปกรุงเทพฯ เป็นเพื่อนแม่ นั่งรถเมื่อยจะตาย”
หญิงสาวทำหน้าเมื่อยประกอบคำพูด ธีรภัทร์หัวเราะ นัยน์ตาเป็นประกายขบขันเมื่อแกล้งแหย่เรื่องที่ได้ยินมาผ่านหู หากไม่เคยเจาะลึกลงในรายละเอียด เพราะรู้ว่าญาติไม่อยากได้ยินหรือพูดถึงมันนัก