“ตัวสำรอง”
เดชาพึมพำคำนั้นอย่างติดใจหลายครั้งก่อนปล่อยเสียงหัวเราะก๊าก ท่ามกลางสายตาขุ่นเคืองของพิรัลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ขณะที่เอกภพมองเพื่อนทั้งสองยิ้มๆ
“ไอ้ภพ มึงก็เสน่ห์แรงเหมือนกันนี่หว่า ผู้หญิงเห็นมึงเป็นตัวจริง ส่วนไอ้พิเป็นแค่ตัวสำรอง” เดชาพูดแล้วหัวเราะต่อเนื่องอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่…น้อยครั้งนักที่จะได้เห็นหัวโจกผู้มีลูกล่อลูกชนแพรวพราวเสียหน้ายับเยิน แตกเป็นเสี่ยงๆ จนต่อไม่ติดแบบนี้
พิรัลขุ่นขวางขนาดหนัก นึกคันมือคันเท้าขึ้นมาตงิดๆ
“มึงจะเก็บปากไว้กินข้าว หรือจะให้กูช่วยทำให้มันต้องหยอดน้ำข้าวต้มวะ”
“ใจเย็นน่าไอ้พิ…ก็เพิ่งเคยเห็นครั้งนี้แหละที่ผู้หญิงเห็นไอ้ภพดีกว่า แถมแม่คุณยังสะบัดใส่มึงอย่างไม่ไยดีอีก ฮึ…” เดชาทำท่าจะระเบิดหัวเราะออกมาอีกชุด แต่สายตาขุ่นขวางเหมือนหมาบ้าของเพื่อนหยุดเขาไว้ก่อน กระนั้นรอยยิ้มชอบใจก็ยังซ่านอยู่เต็มใบหน้า
“ไอ้เดช…” ชายหนุ่มเรียกเพื่อนอย่างข่มขู่ หรี่ตาแคบอย่างใช้ความคิด จุดยิ้มเย็นที่มุมปากก่อนเปิดไพ่ตาย “ถ้ามึงยังไม่เลิกทำหน้าล้อเลียนกู คุณนิ่มต้องได้รู้เรื่องที่มึงเกี้ยวแม่สาวนั่นเพราะเหงาในคืนนี้แน่”
ได้ผล…ใบหน้ายิ้มๆ ของเพื่อนจางหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำซึมบนผืนทราย
“ไอ้พิ อย่าเล่นชั่วๆ อย่างนั้นนะโว้ย” เดชาร้องอย่างร้อนตัว
ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองเพื่อนยิ้มๆ “ทำหน้าตาได้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วนี่หว่า”
เดชาสบถเบาๆ อย่างหัวเสีย พิรัลหัวเราะเยาะเย้ยก่อนหันไปทางเพื่อนที่นั่งชมลูกเดียว ตักเตือนอย่างหวังดีเต็มที่
“ถอนตัวถอนใจตอนนี้ยังทันนะไอ้ภพ แต่งงานไปแล้วต้องกลัวเมียหงออย่างนี้เสียเชิงชายแย่”
“ไม่ล่ะ…กูตัดสินใจแล้ว” เอกภพยืนยันอย่างมั่นคง
พิรัลทำหน้าเมื่อย “กูล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกมึงคิดอะไรกัน อยู่ดีไม่ว่าดี หาห่วงมาผูกคอ…แต่งงานแล้วจะไปสนุกสนานอะไรเหมือนเดิมได้ ดูอย่างไอ้เดชสิ…กลัวเมียหงอ”
‘คนกลัวเมีย’ ทำท่าเข่นเคี้ยวเขี้ยวฟัน ขณะที่เอกภพยิ้ม ตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความที่สุดว่า
“เมื่อมึงรักใครสักคนมากพอ…จะเข้าใจเอง”
รักหรือ…
พิรัลได้ยินแล้วอยากหัวเราะก๊าก เขาไม่ได้ขำความหมายของมัน แต่ขำที่ตัวคนพูดมากกว่า
เอกภพที่เขารู้จักและเคยตระเวนเที่ยวด้วยกันแบบถึงไหนถึงกันนั่นไม่เคยพูดจาแบบนี้ พวกเขาแข่งกันจีบหญิงมากหน้าหลายตา แสวงหาความสุขใส่ตัวกันตามความพอใจ ไม่เคยสนใจเรื่องความรัก…จะบอกว่ามันไม่เคยอยู่ในสมองเลยก็ว่าได้…ตอนที่เดชาแต่งงานแล้วตกอยู่ใต้อาณัติเมียทุกอย่าง พวกเขายังช่วยกันเย้ยหยันเลยว่าด่วนคิดสั้น ผูกเงื่อนตายใส่คอตัวเองแท้ๆ
คิดไม่ถึง…สี่ปีผันผ่าน เอกภพจะแปรพักตร์ และมีอาการน่าเป็นห่วงกว่าคราวที่เดชาสละโฉด…เอ๊ย! สละโสดเสียอีก
“กูไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากมึง…น้องดาวสอนมารึไงวะ”
“น้องดาวไม่ได้สอนให้กูพูด…แต่ความรักที่น้องดาวสอนให้กูรู้จักเป็นคนสอน”
เอกภพตอบเสียงนุ่ม ดวงตาพราวระยับเช่นคนที่มีความสุขสมหวังเต็มหัวใจ พิรัลทำเสียงขลุกขลักในลำคอ แทบจะสำลักกับคำพูดชวนขนลุกของเพื่อน
“พอเหอะ…เลิกพูดอะไรเลี่ยนๆ ซะที เสียดายเบียร์กับกับแกล้มว่ะ ขอให้มันอยู่ในกระเพาะกูต่อไปเถอะ…อย่าให้มันต้องขย้อนออกมาเพราะความเลี่ยนของมึงเลย เสียดายของ”
เอกภพส่ายหน้า มองเพื่อนอย่างขบขัน