“ยายน้ำเน่าเอ๊ย!”
“ตอนนี้แก๊งสามทหารเสือของพี่แตกขบวน เหลือพี่พิค้างเติ่งอยู่บนคานคนเดียวแล้วนา”
น้องสาวทำตาล้อเลียนใส่ พี่ชายเพียงแต่ยิ้ม ไม่ต่อล้อต่อเถียง เดี๋ยวกลายเป็นหนังเรื่องยาววกกลับมาเข้าตัวเองอีก จึงเปลี่ยนเรื่องโดยการถามว่า
“แม่ขึ้นนอนนานแล้วเหรอ”
“ฮื่อ ตั้งแต่สามทุ่ม วันนี้น้าปิ่นมากินข้าวกับแม่ที่บ้าน กลับไปตอนสองทุ่มกว่า พรุ่งนี้น้าปิ่นจะกลับเชียงใหม่แล้ว เสียดาย พี่พิเลยไม่ได้เจอพี่ปายเลย”
“ยายปีนป่ายนั่นยังตามแม่มาให้พี่ดูตัวอีกเหรอ” ชายหนุ่มนิ่วหน้าไม่ชอบใจ “ไหนแม่บอกว่าทางนู้นเขาเลิกยุ่งกับพี่แล้วไง”
“ก็เลิกยุ่งแล้วจริงๆ” สุ้มเสียงของน้องสาวอ่อนอกอ่อนใจด้วยความเสียดายที่แผนจับคู่สุดโรมานซ์ไม่ประสบผลสำเร็จ “น้าปิ่นเขามาคนเดียว และก็ไม่คุยเรื่องนี้กับแม่อีกแล้ว เพิร์ลพูดเพราะเสียดายเอง ในบรรดาผู้หญิงที่แม่หามาให้พี่เลือกเป็นโขยง เพิร์ลว่าคนนี้เข้าท่าที่สุดเลยนะ”
พิรัลหัวเราะในลำคอ เอื้อมมือไปโยกศีรษะของคนช่างอ้อนอย่างมันเขี้ยว
“ชีวิตพี่ทั้งชีวิตนะ จะให้เลือกเมียตามใจแม่ตามใจน้อง ไม่เอาด้วยหรอก…พี่ยังรักสนุกอยู่ เบื่อเมื่อไหร่จะหยุดเอง เราก็ตั้งใจเรียนเถอะ มัวแต่เล่นเป็นกามเทพตัวน้อยกับบ้านิยายน้ำเน่าอยู่นี่ เดี๋ยวปีนี้ก็ไม่จบหรอก”
พิสินีทำเสียงขัดใจ ดึงหัวตัวเองออกจากมือใหญ่ ยกมือขึ้นจัดผมยุ่งๆ ให้เข้าที่พร้อมกับขึงตาขุ่นใส่พี่ชาย…ไม่เข้าใจว่าหัวเธอมีเสน่ห์ตรงไหน พวกคนโตกว่าถึงได้ชอบยีเล่นกันนัก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สาวน้อยถอนใจ…รู้โดยพลันว่าเป็นของใคร หากคนที่เธอเชื่อมั่นว่าเป็นเจ้าของสายกลับนั่งเฉย ปล่อยให้โทรศัพท์กรีดร้องราวกับเป็นทิพยดุริยางค์ จนเธอชักหงุดหงิดรำคาญจึงบอกว่า
“รับเหอะ ของพี่แหละ ถ้าวิเคราะห์ไม่ผิด คราวนี้คงเป็นคุณรวีล่ะ”
“อาจจะเป็นฮันนี่ก็ได้”
“รับดูก็รู้”
น้องสาวท้า พิรัลจึงพิสูจน์ด้วยการหยิบโทรศัพท์ไร้สายมาแนบหู แล้วกรอกเสียงลงไป…เสียงแหลมๆ ที่ตอบกลับมาทำให้พิรัลนิ่วหน้า มองน้องสาวโดยไม่พูดอะไร แต่ชื่อที่เขาพึมพำตอบรับเป็นคำตอบได้เป็นอย่างดี
พิสินียิ้มกริ่ม…ไหมล่ะ เธอวิเคราะห์ผิดที่ไหน!
อาคารสูงสามสิบชั้นกรุกระจกสีเข้มโดยรอบสะท้อนภาพเมฆบนท้องฟ้าและทางยกระดับบนถนนหลักสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องการจราจรคับคั่ง เพราะมีอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงเรียนตั้งเรียงรายอยู่เกือบตลอดสาย
พิรัลจอดรถคันโปรดที่ลานจอดรถชั้นห้าเอแล้วเดินเข้าไปในตัวตึก ไอเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศปรี่มาปะทะร่าง ช่วยบรรเทาความหงุดหงิดจากการใช้ชีวิตบนท้องถนนที่ติดแหง็กไปได้หน่อย ชายหนุ่มกดลิฟต์ไปยังชั้นสิบเจ็ด ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ไม่ทันได้ทิ้งตัวนั่ง เสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้น
“ผู้จัดการเชิญคุณพิรัลไปพบที่ห้องด่วนเลยค่ะ”
เลขาฯ หน้าห้องผู้จัดการโทรมาบอก ชายหนุ่มทำตามฉับไวด้วยความสงสัยเต็มทีว่าผู้จัดการมีธุระอะไรเร่งด่วนนักหนา หรือแบบอาคารที่เขาเพิ่งส่งไปใช้ไม่ได้ ไม่…มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเขาออกแบบตามความต้องการของลูกค้า และปรึกษาวิศวกรถึงความเป็นไปได้ในการก่อสร้างเรียบร้อยทุกครั้ง
งานนั้นไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด…
“มาแล้วหรือคุณพิรัล ผมกำลังรออยู่เชียว”
ผู้จัดการวัยกลางคนบอกอย่างร้อนรน เกรงใจ ทำให้พิรัลสงสัยหนักขึ้น
“มีอะไรครับ หรือว่าลูกค้าอยากให้ผมแก้แบบอีก” ชายหนุ่มตั้งคำถามทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ไม่…งานนั้นไม่มีปัญหาอะไร แต่มีงานด่วนชิ้นหนึ่งของคุณดิลก เป็นงานออกแบบอาคารรับรองในรีสอร์ต” ผู้จัดการถอนใจเล็กน้อย สีหน้าลำบากใจเมื่อเสริมต่อ “เมื่อกี้ภรรยาของดิลกโทรมาหา แจ้งว่าดิลกรถคว่ำบาดเจ็บสาหัส กระดูกมือขวาแตก ซี่โครงหักทิ่มปอด คงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลพักใหญ่…ตอนนี้คุณยังว่าง ไม่ได้รับงานชิ้นไหนไปจัดการไม่ใช่เหรอ ผมอยากให้คุณขึ้นไปทำงานที่เชียงใหม่แทนดิลกน่ะ”