ชลธิษากลับรีสอร์ตโดยพกพาความขัดใจในตัวธีรภัทร์กลับไปด้วย ไม่เข้าใจว่าเขาโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ถึงไม่ยอมรับไมตรีที่เธอเพียรทอดให้
หลายวันที่ผ่านมาหลงดีใจคิดว่าทางสะดวก เพราะไม่มีญาติตัวแสบของเขาเป็น ก.ข.ค. แต่ชายหนุ่มกลับหลบเลี่ยงได้ตลอด สู้อุตส่าห์โทรศัพท์หาเขาจนมือหงิก แต่เลขาฯ หน้าห้องกลับไม่ยอมโอนสายให้พูดด้วย บอกว่าเขางานยุ่ง ให้ฝากข้อความทิ้งไว้ ถ้าเขาอยากพูดด้วยก็คงโทรกลับเอง เธอได้แต่กัดฟันกรอดอย่างแค้นใจ รู้ดีว่าถูกกีดกัน เพราะเลขาฯ สาวใหญ่เป็นคนที่แม่เลี้ยงธีรดาส่งมากระหนาบลูกชายคนเดียวโดยเฉพาะ
เมื่อติดต่อกันทางเสียงไม่ได้ เธอก็ลงทุนพาตัวเองไปหาถึงถิ่น แต่ชายหนุ่มกลับยุ่งวุ่นวายอยู่กับงานเอกสารจนแทบไม่มีเวลาคุยหรือออกไปไหนทำให้เธอหงุดหงิดทบทวี
นี่ถ้ามีตัวเลือกที่ดีกว่า หรือดีพอฟัดพอเหวี่ยง…เธอจะโบ้ยเขาทิ้งอย่างไม่เสียดายเลยจริงด้วย!
คนขับรถวิ่งอ้อมมาเปิดประตูตอนหลังให้เธอก้าวลงไปเหมือนนางพญา มีผู้จัดการไร่และแม่บ้านมายืนรอรับเหมือนทาสผู้ซื่อสัตย์ตามระเบียบที่วางไว้
“เป็นไง ที่นี่เรียบร้อยดีไหม”
“เรียบร้อยดีครับ” ผู้จัดการวัยกลางคนตอบอย่างนอบน้อม “นี่ผมนัดสถาปนิกจากกรุงเทพฯ ให้มาพบคุณชลตอนบ่ายสาม”
“ความจริงเธอจัดการไปให้หมดเลยก็ได้ เพราะฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้สักเท่าไหร่ อีกอย่างบริษัทนี้ก็มีชื่อเสียงมาก ได้มาทำงานให้ก็น่าจะการันตีผลงานได้ดีอยู่แล้วนี่”
ชลธิษาบอกด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ก่อนขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นรถสปอร์ตสีน้ำเงินเข้มแล่นไปจอดหน้าบ้านพักรับรองทางขวามือ พอเห็นชายหนุ่มร่างสูงสองคนที่ก้าวออกมาจากรถ ดวงตาเธอก็ลุกวาบด้วยความถูกสเป็ค เพราะคนหนึ่งหล่อสวยสำอาง ส่วนอีกคนหล่อเข้มคมคาย เร้าใจไม่แพ้กัน
“สองคนนั่นใครน่ะ” ถามเสียงร้อนรนนิดๆ
ผู้จัดการเลิกคิ้วฉงน มองตามสายตานายจ้าง แล้วให้คำตอบฉับไว
“พวกที่มาทำงานจากกรุงเทพฯ ไงครับ ผมจัดให้พวกเขาอยู่ที่นั่น คุณชลมีอะไรขัดข้องหรือเปล่าครับ”
“ไม่มี แต่ไปเลื่อนนัดเขาเป็นบ่ายสามครึ่งแล้วกัน ฉันกลับมาเหนื่อยๆ อยากอาบน้ำแต่งตัวก่อน”
“ครับ” ผู้จัดการรับคำโดยไม่นึกแปลกใจว่า ทำไมนายสาวถึงเปลี่ยนท่าทางเป็นกระตือรือร้นทันตาเห็นแบบนั้น…คงเป็นเพราะสองหนุ่มหล่อชาวกรุงนั่นแหละ
ชลธิษาเป็นอย่างนี้เสมอ…บ้าผู้ชาย บ้าคนหล่อ!
“ไอ้พิ ไอ้เพื่อนเวร!”
พิรัลกำลังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เพราะเจ็บหลังจากการถูกหนามกุหลาบตำจนนอนหงายไม่ไหว ใกล้จะเคลิ้มหลับเพราะยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่กินเข้าไปกำลังออกฤทธิ์ เอกภพก็ปึงปังเข้ามาในห้องอย่างเจ๊กตื่นไฟ ทั้งที่แถวนี้ไม่น่าจะมีอัคคีภัยเพราะฝนห่าใหญ่เพิ่งตกลงมาเมื่อครู่
“อะไรอีกวะไอ้ภพ ขอกูนอนสักชั่วโมงเถอะ กินยาเข้าไปง่วงฉิบ ไว้บ่ายสองครึ่งค่อยมาปลุกใหม่แล้วกัน ขอบใจล่วงหน้านะเพื่อน” ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นพูดจบก็นอนพังพาบต่อ หากเอกภพไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น ตะปบบ่ากว้างให้หันกลับมาพูดกันใหม่
“มึงทำเรื่องใหญ่ลงไปแล้วรู้ไหม น้องดาว…น้องดาวเค้ารู้เรื่องหมดแล้ว เค้าโทรไปหาคุณปาย และโทรมาด่ากูใหญ่เลยว่าคบเพื่อนชั่ว ไม่ให้เกียรติผู้หญิง มึงก็รู้นี่ว่าเค้าไม่ค่อยชอบขี้หน้ามึงอยู่แล้ว พอมารู้เรื่องนี้เข้าก็พาลโกรธใหญ่”
“แล้วไม่ได้บอกเขาไปเหรอว่ากูเข้าใจผิด และพร้อมจะขอโทษเพื่อนเขาด้วย”
“บอกแล้ว แต่น้องดาวเขาโกรธมาก ไม่ยอมฟังอะไรเลย แล้วเขาก็…เขาก็…” เอกภพทำหน้าเหมือนเจ็บปวดเสียเต็มประดา “ประกาศลดความสัมพันธ์กับกูจากว่าที่คู่หมั้นเหลือแค่แฟนน่ะ มึงเข้าใจไหม!”
“หา!” พิรัลตาค้าง แทบจะหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง “ยายน้องดาวของมึงกล้าพูดขนาดนั้นเชียวเรอะ!”
“เออสิ…น้องดาวบอกว่าถ้ากูไม่เลิกคบเพื่อนชั่วที่ไม่สร้างความเจริญให้อย่างมึง ก็จะถูกลดความสัมพันธ์เป็นแค่คนรู้จัก…แต่ไม่ใช่แฟนในไม่ช้านี้แน่!”
คนฟังทำหน้าพิลึก อยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก ได้แต่ยกมือเกาหัวแกรก