เธอเงยหน้ามองนาฬิกา เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วโดยไม่รู้ตัว แต่เธอยังคงคิดอะไรว้าวุ่น
กระดาษขาวที่อยู่ตรงหน้าขาวจนบาดตามากกว่าเดิม
ทันใดนั้นเธอก็ลุกพรวดขึ้นมากะทันหัน ลากขาเก้าอี้จนเกิดเสียงแหลมบนพื้นปูนซีเมนต์
ลั่วจื่อยกถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเจียงไป่ลี่ขึ้นมา เธอเดินช้าๆ เอาไปเททิ้งในห้องน้ำโดยระวังไม่ให้น้ำซุปกระเซ็น แล้วกลับเข้ามาเปิดหน้าต่างออกให้ลมเข้า จากนั้นก็เก็บกวาดกระดาษเช็ดน้ำมูกที่เจียงไป่ลี่โยนทิ้งหลังใช้ตอนร้องไห้ เสร็จแล้วจึงไปล้างมือ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้กลับมาเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะอีกครั้ง
เสมือนเข้าสู่การเริ่มต้นของพิธีทางศาสนาบางอย่าง
สุดท้ายเธอหยิบปากกาลูกลื่นขึ้นมาขีดเส้นไปบนกระดาษทดแรงๆ จนกระทั่งได้เส้นปากกาที่ลื่นไหลออกมา
‘วันที่ 15 เดือน 9 อากาศแจ่มใส
ฉันได้เจอเขาจากที่ไกลมาก แวบแรกที่เห็นคือแผ่นหลัง แวบต่อมาเป็นลูกพลับที่หล่นลงมาจากฟ้า’
จากนั้นปลายปากกาก็หยุดลงบนเส้นสุดท้ายของสระ ‘อา’ ในตอนที่ได้สติกลับมา ตรงปลายเส้นนั้นก็มีจุดสีน้ำเงินเล็กๆ แผ่กระจายออกมาแล้ว
เมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้า เธอกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทิศเหนือของมหาวิทยาลัย
ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงของปักกิ่งเป็นช่วงอากาศดีอันหาได้ยากตลอดทั้งปี อากาศในช่วงฤดูนี้เก็บซ่อนความโหดร้ายลงไป เปิดเผยความอบอุ่นและสดใสออกมาแทน
บนพื้นมีรอยกระดำกระด่างจากเงาต้นไม้ เธอก้มหน้าตั้งอกตั้งใจเดินเหมือนสมัยเด็กๆ ที่ทุกย่างก้าวจะต้องพยายามเหยียบลงบนลายดอกไม้กากบาทตรงกลางพื้นอิฐเท่านั้น สมัยเด็กเวลาไปรับของเพื่อนำส่งให้คนอื่นที่ตลาดขายส่งเฟอร์นิเจอร์กับแม่ แม่จะเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนเธอพยายามตามอยู่ด้านหลัง ฝ่าเท้ากับน่องรู้สึกปวดเมื่อยเหมือนเคล็ดขัดยอก เวลาแม่หันกลับมามองเธอ แม้ดวงตาจะแดงก่ำ เต็มไปด้วยความปวดใจ แต่แม่ก็จะพูดว่า ‘เวลาเดินลูกลองพยายามให้ทุกก้าวเหยียบลงบนลายดอกไม้กากบาทตรงกลางพื้นอิฐดูสิ’ เธอพยายามทำตามกฎเหมือนกำลังเล่นเกม ตั้งใจจนหลงลืมแสงแดดที่แผดเผาอยู่เหนือหัว เดินจนไปถึงสุดปลายถนนกลางฤดูร้อนอันยาวนานโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้จริงๆ แล้วก็กลายมาเป็นความเคยชิน
ทันใดนั้นมีลมพัดมากะทันหัน เธอหยุดเดินโดยอัตโนมัติก่อนจะเงยหน้าขึ้น
ตรงทางแยกสองสามเมตรข้างหน้ามีคนคนหนึ่งเดินเลี้ยวมา เดินนำอยู่ด้านหน้าเธอพอดี
ต่อให้เปลี่ยนเสื้อนอก แต่ก็ยังคงเป็นแผ่นหลังที่เธอไม่มีวันจำผิดไปตลอดชีวิต บริเวณท้ายทอยมีปอยผมยุ่งเหยิงอยู่เล็กน้อย บุคลิกของเขาดูดี ใบหน้าเชิดขึ้นน้อยๆ แผ่นหลังเหยียดตรงทว่าไม่ได้ดูมากเกินพอดี
ขณะที่เธอกำลังอึ้ง ลูกพลับลูกใหญ่ก็ตกลงมากะทันหัน ตำแหน่งที่ตกผ่านหน้าเธอไปไม่พ้นครึ่งเมตร ถ้าเกิดเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้หยุดเดินก็คงจะตกลงมาโดนหัวเข้าพอดี แต่ว่าก็ยังคงมีน้ำจากซากของลูกพลับกระเด็นมาโดนลั่วจื่อเข้าเต็มๆ ช่างดูน่าอนาถเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นลูกพลับหรือว่าตัวเธอเอง
คนที่อยู่ด้านหน้าได้ยินเสียงไม่น่าฟังของลูกพลับกระทแกพื้นจึงหันกลับมา ลั่วจื่อรีบร้อนหันหลังกลับแล้วสับขาวิ่งหนีทันทีก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนมาถึงเธอ
นึกไม่ถึงว่าขณะวิ่งอยู่เธอยังใจลอยคิดได้ว่าเขาจะหัวเราะเยาะกันหรือเปล่า
ครั้งแรกที่ให้เขาได้เห็นแผ่นหลังของเธอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสภาพที่วิ่งหนีตะลีตะลานแบบนี้