เธอวิ่ง วิ่งไปเรื่อยๆ ก้าวข้ามบันไดทีละสองขั้น ผลักประตูของห้องพักออก จากนั้นถึงนึกได้ว่าจะต้องหอบหายใจอย่างแรง
หลังลมหายใจสงบลง เธอก็ถอดเสื้อนอกกับกางเกงขายาวที่สภาพดูไม่ได้ออกไป เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าก็ได้เห็นเสื้อผ้าสีโทนเย็นที่ดูมืดมนไปทั้งแถบ
ไม่ใช่เพราะเธอไม่ชอบสีสดใส เพียงแต่มันไม่เข้ากับเธอต่างหาก
ช่วงวันหยุดก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทุกคนในรุ่นต่างรวมตัวกันไปตรวจร่างกายตามโรงพยาบาลที่กำหนดซึ่งตั้งอยู่ย่านใจกลางเมืองอันคึกคัก ลั่วจื่อยื่นใบตรวจร่างกายซึ่งประทับตราสีแดงตัวโตให้อาจารย์ที่นั่งอยู่หน้าประตู จากนั้นเธอก็สะพายกระเป๋า เดินออกจากโรงพยาบาลแล้วเดินโอ้เอ้ไปตามถนนย่านการค้าที่ยาวที่สุดของเมืองเพราะยังไม่อยากกลับบ้าน
ธุระจิปาถะมากมายก่อนการสอบเข้าเสร็จไปอีกหนึ่งอย่างแล้ว เธอคิดว่าช่วงเวลามัธยมปลายก็กำลังจะจบลงแล้วเช่นเดียวกัน
ในตอนที่เงยหน้าขึ้น ลั่วจื่อเห็นเดรสสายเดี่ยวสีเหลืองสดใสตัวหนึ่งแขวนโชว์อยู่ข้างในตู้กระจกของร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง
สีเหลืองสดใสบาดตาแบบนั้น…
เดรสสายเดี่ยวที่แขวนโชว์ในเดือนห้าราวกับท้าทายฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงอย่างอวดดีเป็นเอ่ยถึงฤดูร้อนล่วงหน้าอย่างอวดดี
วันนั้นเธออารมณ์ไม่ดี ในกระเป๋าใส่ตัวอย่างข้อสอบกับแบบฝึกหัดเอาไว้ ของพวกนี้เปรียบเสมือนบัตรเชิญที่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยแจกจ่ายให้ เธอไม่ได้กลัวการสอบที่ยากลำบากนี้ แล้วก็ไม่ได้เฝ้ารอและตื่นเต้นกับการหลุดพ้นจากทะเลข้อสอบในอนาคตอันใกล้ ลั่วจื่อรู้สึกสับสนมากกว่า เธอสับสนว่าการที่ตัวเองเดินต่อไปทีละก้าวแบบนี้ ที่จริงกำลังเดินเข้าใกล้ความสุขมากขึ้นหรือยิ่งห่างไกลออกไปกันแน่
จู่ๆ ความหงุดหงิดใจที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นมาและไม่อาจดับลงไป ต่อให้เธอพยายามกล่อมตัวเองว่าต้องอดทน ต้องใจเย็นอย่างไรก็ไร้ผล
เธอเดินป้วนเปี้ยนไปมาอยู่นาน แต่ท้ายที่สุดก็ยังพุ่งเข้าไปในร้าน บอกกับพนักงานที่มีท่าทีขี้เกียจว่าเธอต้องการลองเดรสในตู้กระจกตัวนั้น พนักงานมองสำรวจเธอไปที ก่อนจะลุกไปหยิบให้อย่างไม่เต็มใจ
หน้าอกของเธอสะท้อนขึ้นลง สิ่งที่อยู่ในตัวคือความกล้าที่ผุดขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ภายในห้องลองเสื้อแคบๆ เธอสวมเดรสสายเดี่ยวตัวนั้นมือไม้เป็นพัลวัน แต่น่าเสียดายที่ตรงบ่ามีสายเสื้อชั้นในสีขาวเชยๆ โผล่ออกมา เมื่อเปิดประตูกั้นห้องออก เธอก็ได้เห็นเด็กสาวหน้าตาเด๋อด๋า สีหน้าเรียบเฉยยืนสวมเดรสตัวนี้อยู่ในกระจกลองชุดตรงหน้า เด็กคนนั้นโผล่ออกมาจากด้านหลังประตูแค่ครึ่งตัว ดูขี้ขลาดจนน่าหัวเราะเยาะ เธอมัดผมทรงหางม้าที่ไม่เคยเปลี่ยนมาเป็นสิบปี สีเหลืองสดใสนั่นขับผิวเธอจนดูเหมือนเด็กสาวชนบทขาดสารอาหาร
เธออึ้งไป รู้สึกถึงความประหม่าไม่มั่นใจ แต่ยังไงก็ตามจิตใจเธอก็สงบลงมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
เธอควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ควรทำอะไร เหมาะกับอะไร
เมื่อครู่นี้ เหตุผลยิ่งใหญ่กลวงโบ๋มากมายไม่อาจเกลี้ยกล่อมลั่วจื่อที่อยากทำตามใจตัวเองได้ ยังไงก็ตามเมื่อมาอยู่ต่อหน้าเด็กสาวชนบทในกระจกคนนี้ มันกลับมีพลังในการเกลี้ยกล่อมขึ้นมาเสียดื้อๆ
เธอทนต่อสีหน้าของพนักงานร้าน ยื่นชุดคืนให้อย่างผ่าเผย จากนั้นก็นั่งรถเมล์กลับบ้าน นั่งลงหน้าโต๊ะหนังสือแล้วเปิดหนังสืออ่านทบทวนเนื้อหา ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเชื่อได้ว่าจะมีคนใช้เดรสสายเดี่ยวสีเหลืองสดใสตัวหนึ่งมาเยาะเย้ยแดกดันตัวเอง โดยเฉพาะเด็กสาวอายุสิบกว่าปีที่ฝึกฝนด้วยความเพียรราวกับพระสงฆ์บำเพ็ญทุกรกิริยาคนนี้
ลั่วจื่อเก่งในเรื่องนี้มาตลอด