“ขอบใจจ้ะ อ้าว แล้วของหนูลัลน์ล่ะ เอาขวดนี้ไปนะ” นภางค์รีบส่งขวดน้ำใบหนึ่งมาให้เมื่อเห็นว่าจำนวนในถุงนั้นพอดีสำหรับพวกพี่ๆ เท่านั้นเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ ของลัลน์อยู่ที่มิน” ลัลน์ตอบพร้อมกับยิ้ม
มินจัดการเปิดขวดน้ำเย็น เสียบหลอดส่งมาให้ลัลน์ดูดหนึ่งทีแล้วรับกลับไปดูดต่อ ความคุ้นชินที่จะทำอะไรด้วยกันแบ่งปันกันเป็นเรื่องปกติของมินและลัลน์
มันเป็นภาพที่ดูธรรมดาๆ สำหรับคนที่คุ้นเคย หากแต่ไม่ธรรมดาสำหรับธารณ์ เขาเดินกลับมาจากร้านขายน้ำอย่างช้าๆ ดวงตาคอยมองอย่างสังเกตโดยไม่พูดอะไร
“ถ้าพี่นายจะแยกกลับแล้ว งั้นไว้เราเจอกันอีกทีตอนหัวค่ำเลยไหมคะ ที่ไหนดีคะ” ลัลน์ถามต่อ เพราะในตอนค่ำนั้นทั้งหมดจะไปลอยกระทงพร้อมกัน
“ไปเจอกันที่บ้านพี่ก่อนดีไหม ใกล้สะพานท่าตอนที่สุดนี่นา แล้วเราค่อยไปพร้อมกัน” นภางค์เสนอ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย
“ว่าไงคะคุณหญิง เข้าห้องน้ำหรือยัง จะได้ไปกันเสียที” นภางค์หันไปเย้าเพื่อน
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณนายขา แหม กลุ่มเรานี่ดีจังนะ มีทั้งคุณหญิงคุณนาย” ปณิตาแซวกลับมา แล้วทุกคนก็ได้หัวเราะกันสนุกสนาน ก่อนชวนกันไปขึ้นรถ แยกย้ายกันไปเพื่อจะได้มาพบกันใหม่อีกครั้งในตอนหัวค่ำ
แสงอาทิตย์โพล้เพล้เพราะใกล้ค่ำเป็นสัญญาณให้หลายคนตื่นตัว บริเวณที่คึกคักสำหรับช่วงเวลาที่ท้องน้ำเป็นตัวเอกของประเพณียี่เป็งไม่พ้นว่าจะเป็นสะพานท่าตอน ผู้คนมากมายพากันมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อลอยกระทงตามประเพณี เช่นเดียวกับคุณภวิช ลัลน์ และมิน
“จะไปแน่เหรอลัลน์ ไม่ชอบงานลอยกระทงนี่นา” มินถามด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกจากบ้าน เขารู้ดีว่าเธอไม่ชอบงานลอยกระทงเท่าไรนัก เพราะมีประสบการณ์ไม่ค่อยดีในวัยเด็กที่ถูกโยนประทัดโดนกลางหลังจนเสื้อกันหนาวไหม้ทะลุ แม้ไม่มีบาดแผลใดๆ แต่ก็ทำให้ลัลน์กลายเป็นคนผวาเสียงประทัดอยู่นานพอดู แม้กระทั่งตอนนี้ที่อาจไม่ถึงกับร้องกรี๊ด แต่ก็ยังคงไม่ชอบเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง พี่โตแล้วน่า อีกอย่าง ไม่ได้ลอยกระทงนานแล้วด้วย” ลัลน์มองกระทงใบตองในมืออย่างพิจารณา แล้วจัดการปักธูปลงไปก่อนจะส่งให้มิน “ของมิน แล้วก็นี่ของพ่อค่ะ”
คุณภวิชที่ค่อยๆ เดินตามมารับกระทงจากมือลูกสาว
“พ่อนายไปไหวแน่นะครับ ยังเจ็บขาหรือเปล่า” คราวนี้มินหันไปหาผู้เป็นลุง
“โธ่ ยังไหวน่ามิน ไม่ต้องห่วงหรอก ลุงยังฟิตปั๋งน่า”
คุณภวิชยกแขนเบ่งกล้ามท่าทางขึงขังโชว์หลานและลูกสาว อาการเจ็บขาเพราะล้มของท่านนั้นดีขึ้นมากแล้ว แม้จะยังมีขัดๆ อยู่บ้างแต่ก็เรียกว่าพอจะเดินไกลๆ ได้ไม่ต้องห่วง เพียงแต่อาจจะช้าบ้างเท่านั้น
“งั้นไปกันเลยไหมคะ เดี๋ยวพวกพี่นายจะคอย” ลัลน์บอกแล้วจึงขยับเข้าไปประคองบิดาให้ออกเดินไปขึ้นรถ โดยมีมินตามมาเป็นสารถีเช่นเคย