ฟู่หลันหยาเห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนของพ่อบ้านโจวอย่างชัดเจนก็รู้สึกเหมือนเลือดลมในอกตีกลับ ความโกรธแค้นเหมือนไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ นางจำต้องกัดฟันแน่นจึงจะรักษาสีหน้าให้เป็นปกติได้ ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา…คงไม่ต้องมอบยาถอนพิษเม็ดนั้นให้แล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็พูดขึ้นเบาๆ “ท่านอาโจว ข้ารู้ว่าท่านติดตามท่านพ่อมาหลายปี ท่านพ่อปฏิบัติต่อท่านเป็นอย่างดี ดูแลท่านดุจดั่งคนในครอบครัว ยังเคยสอนให้ท่านรู้หนังสือ ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินนิทานที่เล่าเกี่ยวกับหูไฮ่ในสมัยฉินหรือไม่ ท่านพ่อของข้าเป็นผู้เที่ยงธรรม ไม่ยอมอ่อนข้อให้สิ่งผิด ทุกครั้งที่เล่าเรื่องคนเจ้าเล่ห์เยี่ยงหูไฮ่ก็มักจะพูดว่า…นับแต่โบราณมาจนถึงบัดนี้ พวกไร้ความซื่อสัตย์ภักดี ละทิ้งคุณธรรม มีเพียงจุดจบเดียวเท่านั้นคือ…”
นางหัวเราะเบาๆ แล้วชะโงกเข้ามาใกล้พ่อบ้านโจว เผยอริมฝีปากน้อยๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ได้ยินเพียงแค่นางกับเขาว่า “ตาย”
พ่อบ้านโจวพลันมีสีหน้าเขียวคล้ำ ผุดลุกขึ้นยืนทันที
องครักษ์เสื้อแพรหลายคนที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทางพ่อบ้านโจวดูแปลกพิกลเช่นนี้ก็พากันชักดาบออกมา แล้วตะคอกสั่ง “ใครสั่งให้ลุกขึ้นยืน! รีบนั่งลงไป! พวกข้าได้รับมอบหมายให้มาจัดการความเรียบร้อย ผู้ใดกล้าขัดขืน สามารถตัดสินเจ้าฐานเป็นกบฏได้ทันที!”
ในเวลานั้นหวังซื่อเจากับผิงอวี้ก็เข้ามาในลานเรือนพอดี เห็นพ่อบ้านโจวเกิดขัดแย้งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา สีหน้าหวังซื่อเจาก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย รีบเดินเข้าไปหมายยับยั้งพ่อบ้านโจว
แต่ไม่รู้ว่าพ่อบ้านโจวเห็นสิ่งใดที่น่าหวาดผวากันแน่ สองตาเขาจึงจ้องมองไปข้างหน้า ไม่ได้ยินเสียงตะคอกที่ข้างหู เพียงชั่วพริบตาราวกับเขาได้เห็นภาพตรงหน้าอย่างชัดเจน รูม่านตาพลันหดตัวลงทันใด ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ถอยหลังกรูดติดๆ กันหลายก้าว
คนที่เหลือเห็นสีหน้าพ่อบ้านโจวดูหวาดกลัวเช่นนี้ก็พากันขนลุกเกรียว มองตามสายตาของเขาไปข้างหน้า กลับเห็นเพียงแสงจันทร์เจิดจ้าส่องลงมาในลานเรือน ดอกไม้ใบหญ้าต้องลมส่ายไหวส่งเสียงดังซู่ๆ นอกจากนี้ก็ไม่มีสิ่งใดผิดแปลก
“เร็วเข้า! จับตัวเขามา!” หวังซื่อเจาเห็นพ่อบ้านโจวมีท่าทางแปลกพิกล เกรงว่าจะเกิดอาการสติวิปลาสเฉียบพลันแล้วอาจเปิดปากพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมา เขาจึงไม่พูดสิ่งใดให้มากความอีก ชิงเดินเข้าไปแล้วเงื้อดาบพุ่งเข้าหาพ่อบ้านโจว
ผิงอวี้เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ แววตาก็วูบไหว มองดูหวังซื่อเจาจากทางด้านหลัง ท่าทีคล้ายครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
พ่อบ้านโจวราวกับไม่รู้ตัวว่าคมดาบของหวังซื่อเจาและพวกผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายกำลังพุ่งเข้ามาใกล้จากทางด้านหลังแล้ว เขายังคงเอาแต่จ้องมองไปข้างหน้าแน่วนิ่ง สีหน้าหวาดผวาขึ้นเรื่อยๆ จนบิดเบี้ยว โดยไม่รอให้หวังซื่อเจาและองครักษ์เสื้อแพรคนอื่นๆ เข้ามาใกล้ ก็ร้องเสียงประหลาดออกมาครั้งหนึ่ง แล้วตะโกนอย่างโหยหวนว่า “อย่า! อย่าเข้ามา!”
จู่ๆ พ่อบ้านโจวก็มีพละกำลังมหาศาลขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แม้จะมีเพียงมือเปล่า แต่กลับปัดคมดาบซิ่วชุนของหวังซื่อเจาและพรรคพวกออกไปด้านข้างอย่างแรงได้ ไม่ช้าก็ตะกายหนีสุดชีวิต ดวงตาแดงก่ำดูวาวโรจน์ ก้าวพรวดๆ เร่งฝีเท้าไปข้างหน้าราวกับคนเสียสติ วิ่งไปก็หันกลับมามองอย่างหวาดผวา ปากร้องตะโกนไม่หยุดราวกับว่าข้างหลังมีผีร้ายไล่ตามมาเอาชีวิต
แต่วิ่งไปได้ไม่ไกลนักพ่อบ้านโจวก็เหมือนถูกคนซัดหมัดเข้าใส่จนซวนเซแล้วโงนเงนล้มลงคุกเข่า เขาเจ็บปวดจนต้องกุมหน้าอกไว้ ตะเกียกตะกายจะลุกขึ้นยืน ทว่าร่างกายกลับสั่นกระตุกอย่างแรงหลายครั้ง ไม่ช้าก็กลับไปคุกเข่า ก่อนร่างจะร่วงไปนอนแน่นิ่งตัวแข็งกับพื้น ไม่ขยับเขยื้อนอีกต่อไป