ฟู่หลันหยาเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกราวกับหมดสิ้นเรี่ยวแรง ปาดเหงื่ออยู่เงียบๆ อาศัยจังหวะที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ร่างพ่อบ้านโจว ยกชายแขนเสื้อมาบังไว้แล้วค่อยๆ ดีดผงยาที่ซ่อนไว้ในซอกเล็บทิ้งลงพื้นทีละน้อยๆ
นิ้วมือของนางสั่นเทา หัวใจเต้นโครมครามไม่หยุด ถึงจะไม่นึกเสียใจแม้แต่น้อย แต่พอคิดว่าเพิ่งฆ่าคนด้วยมือตนเองไป นางก็ยังรู้สึกเหมือนในท้องมีบางอย่างประดังขึ้นมาจนอยากจะอาเจียน
หลายวันก่อนหน้านี้ หลังตระหนักได้ว่าคนในจวนขาดการติดต่อกับผู้คนภายนอกแล้ว นางก็รู้สึกเคลือบแคลงใจในตัวพ่อบ้านโจว เพราะเขาอยู่ในจวนสกุลฟู่มาหลายปี ได้รับความไว้วางใจจากท่านพ่อเป็นอย่างมาก การงานทั้งหลายของจวนส่วนใหญ่ล้วนต้องผ่านมือเขา นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดทำให้จวนสกุลฟู่กลายสภาพเป็นเกาะโดดเดี่ยวได้อีก
ที่น่าแปลกยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่นางเริ่มป่วย เดิมคิดว่าพ่อบ้านโจวจะเชิญท่านหมอเฉิงมาตรวจรักษาอาการป่วยให้ เพราะท่านหมอเฉิงเป็นหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองชวีจิ้ง ทั้งยังคุ้นเคยกับบันทึกการตรวจรักษาของนางมากที่สุด เขามาตรวจด้วยตนเองคงจะสามารถออกเทียบยาจนรักษานางให้หายได้ ใครเลยจะรู้ พ่อบ้านโจวกลับไปเชิญหมอแปลกหน้ามาแทน ท่านหมอเฉิงไม่เคยได้ปรากฏตัวที่จวน
นางสงสัยใคร่รู้จึงได้ถามพ่อบ้านโจวครั้งหนึ่ง เขากลับบอกว่าท่านหมอเฉิงหลบไปอยู่ชนบทเพื่อหนีภัยจากพวกคนเร่ร่อนแล้ว ระหว่างนี้ไม่อยู่ในเมืองเป็นการชั่วคราว
นางไม่ได้รับจดหมายจากบิดา พี่ชาย และท่านลุง ทั้งยังไม่ทราบข่าวคราวใดๆ ของเรื่องราวภายนอกจากคนข้างกาย วันทั้งวันล้วนอยู่แต่ในจวน ต้องทุกข์ทรมานจากอาการฝันร้าย
วันนั้นจู่ๆ นางก็นึกถึงตำรายาที่เคยอ่าน ตำรานั้นอยู่ในห้องหนังสือของบิดา ได้จากหมอที่เดินทางผ่านมามอบไว้ให้ ในนั้นบันทึกว่ามียาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าขนานหนึ่ง แม้พิษไม่ได้ร้ายแรงถึงแก่ชีวิต แต่จะทำให้มีอาการฝันร้ายในตอนกลางคืน กลางวันขวัญผวาอยู่ไม่สุข เป็นเช่นนี้นานไปอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
จะว่าไปแล้วก็ช่างสอดคล้องกับอาการป่วยของนางมากจริงๆ
คืนนี้หลังจากต้องตื่นขึ้นจากความฝันอย่างขวัญผวา จู่ๆ นางก็ตระหนักได้ว่าตอนที่ฝันร้ายครั้งแรก เป็นคืนที่สองนับจากวันที่บิดาได้รับพระบัญชาให้เดินทางกลับเมืองจิงเฉิงพอดี ตอนนั้นนางตั้งใจว่าจะพาแม่นมหลินและคนรับใช้เดินทางไปหาท่านลุงที่เมืองสู่ แต่เพราะอาการฝันร้ายทำให้ยามกลางวันจิตใจนางหวาดผวาไม่เป็นสุข จึงทำให้การเดินทางต้องล่าช้าออกไป
เวลาที่เริ่มมีอาการป่วยนี้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญเกินไป คิดดูให้ละเอียดแล้วไม่น่าเชื่อเอาเสียเลย ราวกับว่ามีใครที่คิดจะกักตัวนางให้อยู่แต่ในจวน และจงใจทำให้นางฝันร้ายโดยไม่ให้เป็นที่น่าสงสัย
หลังจากปะติดปะต่อเหตุการณ์ประหลาดในจวนต่างๆ ทั้งหลายเข้าด้วยกันแล้ว นางก็อดคิดไม่ได้ว่าพ่อบ้านโจวถูกใครบงการมา และเขามีจุดมุ่งหมายใดกันแน่จึงได้ลงมือทำเช่นนี้
หากเป็นฝีมือเขาจริงๆ เช่นนั้นเรื่องที่บิดาและพี่ชายถูกคนวางแผนคิดร้ายก็ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาด้วยไม่มากก็น้อย อย่างไรเขาก็มีฐานะเป็นคนรับใช้ผู้ภักดีของบิดา ติดตามรับใช้มานานหลายปีเพียงนี้ ไม่มีใครทราบถึงขุมกำลังอำนาจของบิดาได้กระจ่างแจ้งเท่าเขาอีกแล้ว หากคิดจะเล่นงานบิดาของนาง พ่อบ้านโจวย่อมถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะจะซื้อตัวมากที่สุด
เมื่อครู่ขณะนางอาศัยช่วงเวลาที่รินน้ำชาลอบวางยาพ่อบ้านโจว ก็ได้ซ่อนยาถอนพิษไว้ในชายแขนเสื้อด้วย ลึกๆ ในใจนางยังมีความหวังอยู่ หวังว่าทุกอย่างจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด พ่อบ้านโจวเป็นท่านอาโจวที่ซื่อสัตย์ภักดีไว้ใจได้ ไม่เคยถูกผู้ใดซื้อตัว และไม่เคยสมคบคิดกับผู้อื่นมาทำร้ายบิดาของนาง
แต่ฟู่หลันหยาไม่คิดเลยว่าพ่อบ้านโจวจะเผยพิรุธออกมารวดเร็วปานนี้ ที่ยิ่งทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือผงยาพิษที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้ในกล่องบุผ้าไหมจะมีฤทธิ์ร้ายกาจเพียงนี้ เหมือนมีฤทธิ์ทำให้ประสาทหลอนอีกด้วย…