เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ทำให้เหล่าคนรับใช้ตกอกตกใจอย่างมาก นอกจากเสียงฝีเท้าองครักษ์เสื้อแพรซึ่งมาตรวจดูศพของพ่อบ้านโจวและเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันดังสวบสาบแล้ว ก็ไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆ อีกเป็นเวลานานทีเดียว
ฟู่หลันหยาทางหนึ่งแสร้งแสดงอาการหวาดผวาลนลาน กุมมือแม่นมหลินไว้แน่น แต่อีกทางก็ลอบสังเกตสิ่งต่างๆ ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแม้เพียงชั่วขณะเดียว
หวังซื่อเจามาถึงข้างศพพ่อบ้านโจวเป็นคนแรก เขากระชากผมพ่อบ้านโจวให้แหงนหน้าขึ้น พอดูจนแน่ใจว่าคนผู้นี้ตายแล้ว สีหน้าเขาก็ดีขึ้นมาก
เดิมทีผิงอวี้กำลังจะรีบเดินเข้าไปที่ศพพ่อบ้านโจวเช่นกัน แต่พอเหลือบเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหวังซื่อเจา เขาก็ตกใจ พลอยให้ชะลอฝีเท้าลงด้วย
หวังซื่อเจายังตรวจดูสภาพศพซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วลุกขึ้นพูดกับผิงอวี้ “ใต้เท้าผิง คนผู้นี้ตายอย่างน่าประหลาดนัก ดูแล้วเหมือนหัวใจวายตาย”
แม่นมหลินโอบกอดฟู่หลันหยาแน่นขึ้นอย่างเงียบๆ นางตื่นตระหนกจนเหงื่อซึมออกมือแล้ว เนื่องจากได้ยินอีกฝ่ายพูดคุยกับพ่อบ้านโจวเมื่อครู่นี้อย่างชัดเจน นึกรู้ว่าการตายของพ่อบ้านโจวน่าจะเกี่ยวข้องกับคุณหนูอย่างไม่อาจสลัดพ้น จึงกลัวว่าองครักษ์เสื้อแพรจะเกิดสงสัยในตัวฟู่หลันหยาขึ้นมา
ทว่าฟู่หลันหยายังคงดูสงบนิ่งเช่นเดิม นางจัดการดีดผงยาพิษออกไปจนหมดแล้ว ในตัวมีเพียงยาลูกกลอนถอนพิษที่มารดาทิ้งไว้ให้ถุงหนึ่ง ต่อให้ถูกองครักษ์เสื้อแพรตรวจพบความผิดปกติก็ยังบอกได้ว่าเป็นยาลูกกลอนใช้รักษาโรค แม้ตอนอยู่ในห้องนางจะเพิ่งกินยาเม็ดนี้เข้าไป แต่หากเข้าตาจนจริงๆ ถึงต้องกินยาอีกครั้งต่อหน้าพวกเขาก็ไม่เป็นไร เพราะยาตัวนี้นอกจากมีฤทธิ์เย็นอยู่บ้างก็ไม่เป็นอันตรายอันใด
แต่น่าเสียดายที่มารดาทิ้งผงยาพิษไว้ในกล่องบุผ้าไหมน้อยไปสักหน่อย เมื่อครู่นี้ใช้เล่นงานพ่อบ้านโจวไปจนหมด ผงที่ติดในซอกเล็บก็ดีดทิ้งลงพื้นจนหมดแล้ว มิเช่นนั้นระหว่างเดินทางไปเมืองจิงเฉิงนางอาจได้ใช้ยาพิษนี้ยามเข้าตาจนก็เป็นได้
ผิงอวี้ยังยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองร่างที่นอนตะแคงของพ่อบ้านโจว สีหน้าสับสนงุนงงอย่างยากจะได้เห็น ต่อให้ช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเคยพบพานเรื่องประหลาดบนศพนักโทษไม่น้อย ผิงอวี้ก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เพราะจากมุมมองของเขา จะมองอย่างไรท่าคุกเข่าตายของพ่อบ้านโจวก็เหมือนตายเพื่อชดใช้ความผิด
เขาเดินไปถึงข้างศพก็คุกเข่าลง แล้วก้มลงมองสำรวจใบหน้าของพ่อบ้านโจว เห็นสองตาของศพยังเบิกโพลงด้วยความหวาดผวาสุดขีดจนลูกตาแทบถลนออกนอกเบ้า สีหน้าดูซีดเผือดราวกับว่าตายเพราะตกใจกลัวจนขวัญกระเจิง
พอเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นเขาก็ได้กลิ่นขมบริเวณจมูกศพ เขานิ่วหน้าทันที
ฟู่หลันหยาจับตาสังเกตทุกอากัปกิริยาของผิงอวี้อยู่เงียบๆ
สีหน้าหวังซื่อเจาไม่สู้ดี เขาเคยทำคดีน้อยใหญ่มามาก ไม่ว่าลักษณะการตายจะแปลกประหลาดพิสดารเพียงไรก็เคยเห็นมาไม่น้อย เห็นผิงอวี้นิ่งงันอยู่นานไม่พูดอะไรหัวใจก็กระตุกวูบพลางชะโงกหน้าเข้าไปดมกลิ่นด้วย “ก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีกลิ่นนี้เลย คนผู้นี้ไม่ใช่ตายเพราะหัวใจวายหรอกรึ หรือว่าถูกพิษจนตาย”
ถูกพิษ? ในจวนเกิดเสียงอื้ออึงขึ้นทันที ผู้ใดอาจหาญทำเรื่องเช่นนี้กัน ถึงขั้นกล้าวางยาฆ่าคนภายใต้การจับจ้องขององครักษ์เสื้อแพร
ผิงอวี้ไม่ออกความเห็นอะไรทั้งสิ้น เขาลุกขึ้นหันไปมองคนในสกุลฟู่ แววตาสำรวจตรวจสอบน่าขนลุกขนพองยิ่งนัก
“ใต้เท้า” องครักษ์เสื้อแพรสองสามคนที่ก่อนหน้านี้ยกน้ำชามาให้คนสกุลฟู่เดินเข้ามาแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่นี้พ่อบ้านโจวขอน้ำชากาหนึ่งมาแบ่งให้คนรับใช้สกุลฟู่ดื่ม ตัวเขาเองก็ดื่มไปถ้วยหนึ่งด้วย ใต้เท้า ถ้านักโทษถูกวางยาพิษจนตาย ยาพิษนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะถูกใส่ลงในน้ำชา”