เขาใช้แขนเสื้ออุดจมูกเพื่อห้ามเลือดกำเดา พลางบอกเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
แต่ยิ่งเขาอ่อนโยน ซูเสี่ยวเตาก็ยิ่งรู้สึกผิด ความละอายแก่ใจอันประมาณไม่ได้ถาโถมเข้ามาจู่โจมนางจากทุกทาง
“แม่ทัพใหญ่ ขออภัยด้วย เป็นเพราะความเอาแต่ใจของข้าแท้ๆ” นางกัดริมฝีปากแน่น มือเล็กบิดไปบิดมาด้วยความร้อนรน
ชายหนุ่มผงะ ด้วยจับน้ำเสียงหดหู่หม่นหมองและรู้สึกผิดของนางได้ หัวใจอ่อนยวบอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะเริ่มพิจารณาตนเองอย่างจริงจังชนิดที่ทำไม่บ่อยนัก
เฮ้อ…ไร้คุณธรรมอย่างยิ่ง หร่วนชิงเฟิง เจ้าทำให้เด็กสาวใสซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่งตกใจลนลานหมดแล้ว
แต่ถ้าจะให้บอกความจริงไปตามตรง ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเพราะเมื่อครู่ข้าเกิดอยากแกล้งนางขึ้นมา…
เฮ้อ…ทำไม่ได้
“หร่วนชี!” จะหันไปทางไหนก็ลำบากใจเหลือเกิน สุดท้ายเขาจึงเอ่ยเรียกคนสนิทเบาๆ
หร่วนชีดีดนิ้วอย่างแนบเนียน ลมลูกหนึ่งแหวกอากาศพุ่งเข้าใส่จุดสลบของซูเสี่ยวเตา หร่วนชิงเฟิงรีบหมุนตัวมารับร่างนางไว้แล้วถอนหายใจเบาๆ
“หร่วนชี” ท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดร่างละมุนไว้อย่างมั่นคงและอบอุ่น ความรู้สึกผิดฉายขึ้นบนใบหน้าเขา “ข้าร้ายกาจมากใช่หรือไม่”
“นายท่านถูกใจแม่นางคนนี้อย่างนั้นหรือขอรับ” หากตัดใบหน้าเฉยชาไร้อารมณ์ตามแบบองครักษ์ลับออกไป หร่วนชียามนี้ก็ตกใจเสียจนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้าแล้ว
“ถูกใจหรือ…” หัวใจของหร่วนชิงเฟิงไหววาบ เขายกมือลูบคางโดยไม่รู้ตัว “ดูเหมือนจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แค่รู้สึกว่าสนุก อย่างแกล้งอยากแหย่เล่น”
“…” หร่วนชีมองมาทางเขานิ่งๆ
“อะไรหรือ” เนตรหงส์จ้องมองคนสนิทพลางเอ่ยถาม
“ท่าน…ร้ายกาจจริงๆ” หร่วนชีพึมพำ
ใบหน้าคมคายแข็งค้าง หัวคิ้วกระตุกนิดๆ “ข้าไม่ได้ให้เจ้าตอบตามจริงเสียหน่อย”
“ผิดไปแล้วขอรับ”
“ช่างเถิดๆ พานางออกไปเสีย” เขาส่งร่างเล็กแบบบางไปให้หร่วนชีอย่างเบามือราวกับเป็นของล้ำค่าที่แสนเปราะบาง แต่พอองครักษ์ยื่นมือออกมารับจริง เขากลับลังเลเสียอย่างนั้น
“นายท่าน?”
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองเป็นอะไรไปแล้ว แต่พอเห็นมือใหญ่ ‘เปลือยเปล่า’ ของหร่วนชีแล้วมองเด็กสาวร่างเล็กในวงแขนก็ให้รู้สึกขัดใจขึ้นมานิดๆ สุดท้ายก็ขมวดคิ้วสั่งเสียงแข็ง “ฉีกชายเสื้อเจ้าออกมาพันมือซ้ายขวาให้แน่นหนา”
นับตั้งแต่เริ่มติดตามรับใช้ท่านแม่ทัพใหญ่ตอนอายุได้สิบสองปี หร่วนชีไม่เคยได้รับคำสั่งแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน ใบหน้าเฉยชาไร้อารมณ์ปรากฏความผงะอึ้งขึ้นมาแวบหนึ่งอย่างหาได้ยาก
“หา?”
“หาเหออะไรกันเล่า นี่คือคำสั่งทหาร” แววตาของหร่วนชิงเฟิงเข้มขึ้น
หร่วนชีสะดุ้ง ก่อนจะรีบฉีกชายเสื้อออกมา ใช้มือซ้ายพันมือขวา ใช้มือขวาพันมือซ้าย จนกลายเป็นถุงมือสีดำที่แสนแน่นหนาจนผิวเนื้อไม่โผล่ออกมาข้างนอกแม้แต่นิดเดียว
เห็นเช่นนั้นหร่วนชิงเฟิงค่อยรื่นหูรื่นตา แล้วส่งร่างเด็กสาวในอ้อมกอดไปให้อย่าง ‘ใจเด็ด’ โดยไม่ลืมข่มขู่ “แบกได้อย่างเดียว ห้ามกอด หากฝ่าฝืนกฎทหารมีโทษถึงตาย!”
หร่วนชีชักเข่าอ่อนนิดๆ ความกดดันนี้ช่าง…รุนแรงเหลือเกิน
สวรรค์ เหตุใดวันนี้ถึงต้องเป็นเวรข้าด้วยนะ
ถ้าไม่ใช่ศิษย์พี่หร่วนอี หร่วนเอ้อร์ หร่วนซาน หร่วนซื่อ หร่วนอู่ หร่วนลิ่วที่อยู่ก่อนหน้าเขา ให้เป็นศิษย์น้องหร่วนปา หร่วนจิ่ว หร่วนสือ หร่วนสืออี ที่อยู่ข้างหลังก็ยังดี!
องครักษ์ลับยอดฝีมือหร่วนชีผู้น่าสงสารเหงื่อแตกเต็มหลัง ทว่าก็ได้แต่ทำหน้านอบน้อมขณะร้องโหยหวนอยู่ในใจ ก่อนจะแบกแม่นางน้อยที่สลบไสลไม่ได้สติออกไปอย่างเกร็งเครียด
เหลือแต่เพียงแม่ทัพหร่วนบุตรชายท่านโหวผู้…ถ้าตัดเลือดกำเดาสองสายที่ทำลายความงามไปเสีย…ก็รูปงามสำรวยไร้เทียมทานกำลังใช้ความคิดเงียบๆ อยู่ที่เดิม
สักพักใหญ่ให้หลังเขาก็ตบมือฉาดเมื่อคิดอะไรได้แล้วหัวเราะเสียงดังก้อง
“ฮ่าๆ ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!” เขายิ้มกระจ่างดุจฟ้าใส ทรงเสน่ห์น่ามองเหมือนบุปผาหอมละลานตา “เมื่อวานนางปฏิบัติต่อข้าด้วยความจริงใจ แล้ววันนี้ข้าจะไม่จริงใจกับนางตอบได้อย่างไรกันเล่า มิหนำซ้ำนางยังเป็นน้องหญิงน้อยๆ เนื้อตัวหอมกรุ่น จะให้บุรุษหยาบเถื่อนอย่างหร่วนชีมาทำให้ตัวเหม็นได้อย่างไร”
นี่ล่ะ พฤติกรรมผิดปกติต่างๆ นานาของเขาเมื่อครู่มีคำอธิบายสมเหตุสมผลแล้ว ถือว่าปิดคดีได้!