สุดท้ายแล้วซูเสี่ยวเตาก็ต้องใช้เวลาตลอดช่วงเย็นเดินวนเวียนรอบร่างของป้าอาฮวาที่เคลื่อนไหวไปมาในครัวอยู่หลายรอบ พร้อมพยายามยิ้มแย้มแจ่มใสและใจเย็นให้ถึงที่สุด จวบจนนางใกล้จะทนไม่ไหวและเสียสติอยู่รอมร่อ ป้าอาฮวาก็ยอมหันกลับมามองนางด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณหนูเกลียดงานฝีมือจริงหรือ”
“อืม เกลียดมาก” นางตอบขึงขังพลางพยักหน้าหนักๆ
“ก็ได้” ป้าอาฮวาถอนหายใจยาวเหยียดเหมือนได้ระบายสิ่งที่เก็บไว้นานออกมาในที่สุด จากนั้นก็โบกมืออย่างอ่อนแรง “เมื่อก่อนแม้ฮูหยินจะมีฝีมือด้านโคลงกลอนไม่เป็นสองรองใคร ซ้ำยังอ่อนหวานเรียบร้อย แต่ก็ไม่ชอบทำงานฝีมือเช่นกัน บ่าวลองมาคิดๆ ดู คุณหนูได้ฮูหยินมาเยอะ ไม่แปลกที่จะไม่มีพรสวรรค์ด้านงานฝีมือเลย”
“ขอบคุณสวรรค์!” เด็กสาวดีใจจนแทบน้ำตาไหล “ขอบคุณท่านแม่!”
ท่านพ่อกล่าวได้ถูกต้อง ท่านแม่ผู้อ่อนหวานน่ารักมากพรสวรรค์คอยปกป้องคุ้มครองนางจากบนฟ้าจริงๆ ด้วย อมิตาภพุทธ ดีแล้วๆ…
ท่านแม่ ข้ารักท่าน!
ป้าอาฮวาเห็นคุณหนูทำท่าปลาบปลื้มยินดีจนแทบร้องไห้ก็ขัดใจจนอยากส่ายหน้า แต่สุดท้ายก็ยังใจอ่อนอยู่ดี “เอาเถิดๆ บ่าวเองก็ไม่มีสิทธิ์จะบังคับคุณหนู ทำเช่นนี้บ่าวละอายแก่ใจจริงๆ”
“ใช่ที่ไหนกันเล่า” ซูเสี่ยวเตากอดร่างเจ้าเนื้อของฝ่ายตรงข้ามไว้อย่างซุกซน “แม่นมเป็นคนดี เสี่ยวเตารักแม่นมที่สุดเลย”
“ดูพูดเข้า” ป้าอาฮวากลอกตาเคืองๆ ก่อนจะหัวเราะขันอย่างห้ามไม่อยู่ “เอาล่ะๆ เรื่องงานฝีมือบ่าวไม่คาดหวังจากคุณหนูแล้ว แต่อย่างน้อยคุณหนูก็ต้องฝึกปรุงอาหารให้เก่ง ในอดีตฮูหยินก็ได้รสมืออันเป็นเลิศนี่แหละควบคุมกระเพาะเหล็กของนายท่านเสียอยู่หมัด คุณหนู ต่อไปท่านก็จะต้องออกเรือน กุมกระเพาะสามีไว้ก็เท่ากับกุมหัวใจของเขาได้ครึ่งดวง เรื่องนี้สำคัญนักหนาเข้าใจหรือไม่”
“เฮ้อ…เหตุใดต้องวุ่นวายถึงเพียงนั้นด้วยเล่า จะกินอะไรก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ อีกอย่างท่านพ่อเล่าให้ข้าฟังว่าตอนนั้นท่านแม่แค่ยืนเฉยๆ ใต้ต้นเหมยขาวอย่างอ่อนหวานนุ่มนวลก็ทำให้หัวใจท่านพ่อล่องลอยได้แล้ว จากนั้นก็เฝ้าคอยตามตื๊อจนกว่านางจะยอมแต่งงานกับตนเอง จุ๊ๆ ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าท่านพ่อจะเคยทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นด้วย”
ป้าอาฮวาสำลัก จริงหรือ เหตุใดไม่เหมือนกับที่นายท่านเล่าให้ตนฟังเลย
แม่นมสูงวัยในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าบุรุษดิบๆ ทื่อๆ อย่างซูเถี่ยโถวนั้นเก็บเรื่องราวที่เคยตามติดพันภรรยาในอดีตไว้เป็นความลับ แม้ว่าต่อมาจะกลายเป็นทาสภรรยาขั้นสุด เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ยังจงใจปิดบังความจริงบางส่วนไว้ เพราะกลัวจะเสียหน้าตามประสาบุรุษ
“จะว่าไป ข้าคิดว่าตัวข้าเองก็คงเป็นแบบท่านพ่อ” เด็กสาวทำหน้าคาดหวัง “หากมีคนงามหยาดฟ้ามาดินยืนอยู่ใต้ต้นเหมยขาวด้วยท่าทางอ่อนหวานนุ่มนวลแล้วส่งยิ้มสะกดสายตามาให้…ข้าเองก็จะคอยตามเกี้ยวพาจนกว่าเขาจะยอมแต่งงานกับข้าเหมือนกัน”
“คุณหนูพูดสลับกันแล้วหรือไม่” ป้าอาฮวารู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมานิดๆ
ต้องโทษนายท่านคนเดียวนั่นแหละ ชอบกรอกความคิดพิสดารๆ ใส่หัวคุณหนู จนเด็กสาวดีๆ เสียคนไปถึงเพียงนี้ได้
ซูเสี่ยวเตาคิดอย่างใจลอยจนไม่ได้ยินคำพูดของแม่นม แต่เจ้าของร่างสูงสง่าที่งดงามไร้ที่ติกลับปรากฏขึ้นในใจโดยไม่รู้ตัว
ท่าทางผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ใบหน้ารื่นรมย์ ดวงตาแพรวพราวด้วยรอยยิ้ม…
“หา?” เพิ่งจะยิ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม นางก็สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจในภาพนึกคิดของตนเองเสียก่อน
นี่มันอะไรกัน! อยู่ดีๆ เหตุใดจึงนึกถึงแม่ทัพใหญ่หร่วนเจ้าสำอางนั่นขึ้นมาได้นะ
ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาเป็นคนรับมือยากหรอก ต่อให้เป็นคนหัวอ่อนพูดง่าย แค่ฐานะผู้สืบทอดจวนหร่วนโหวกับแม่ทัพสงบประจิมของเขาก็ใหญ่พอจะทับคนตายได้แล้ว ถึงนางจะน้ำลายหกเพราะคิดถึง ‘รูปโฉม’ ของเขาก็หยอกเย้าเชยชมเขาเล่นไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างชนเผ่าอี๋ตะวันตกยังไม่ถูกปราบให้สิ้นซาก จะคิดเรื่องมีครอบครัวได้อย่างไรกันเล่า…ความรักแผ่นดินรักคนร่วมชาติของนางอยู่เหนือกว่าความฝักใฝ่ในเรื่องชู้สาวเป็นพันเป็นหมื่นเท่า!