“แค่กๆ เป็นสาวเป็นนางพูดจาไม่รู้จักระวังบ้าง ฉี่เฉ่ออะไรกันเล่า” ซูเถี่ยโถวหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะสำลักหรือเพราะอายกันแน่
“เห็นว่าชาวเผ่าอี๋ตะวันตกเป็นพวกป่าเถื่อนไร้อารยธรรม ยังกินเนื้อสดๆ แบบไม่ถลกหนังอยู่เลยไม่ใช่หรือ” นางไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังขยิบตาพูดต่อไปว่า “ให้พวกมันจมฉี่ตายก็ถือว่า…อืม…เหมาะกันดีแล้วนี่นา”
ผู้เป็นพ่อถึงกับปากอ้าตาค้าง “ลูกพ่อ คำพูดของเจ้าช่าง…”
“สวรรค์ ในที่สุดก็มีคนตาสว่างเสียที” ป้าอาฮวาที่ยืนมองอยู่อีกทางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อุตส่าห์ได้เห็นนายท่านตกใจจนหน้าถอดสีบ้างเสียทีเช่นนี้ นางจึงก้าวพรวดออกมา “นายท่าน ดูเอาเถิด คุณหนูผู้อ่อนหวานบอบบางน่าทะนุถนอมของข้ากลายเป็นคนที่พูดจาหยาบคายได้ถึงเพียงนี้แล้ว…”
“…ลูกพ่อ คำพูดของเจ้ายอดเยี่ยมเหลือเกิน ตรงเผงและสาแก่ใจดีมาก” ซูเถี่ยโถวหัวเราะลั่นพลางตบเข่าฉาดอย่างถูกใจ “สมแล้วที่เป็นลูกสาวสกุลซูเรา องอาจผ่าเผยยิ่งนัก ฮ่าๆ”
ถ้อยคำที่ได้ยินสะเทือนใจเกินรับได้ ป้าอาฮวาฟังยังไม่ทันจบก็เอามือปิดหูวิ่งร้องไห้ออกไปอย่างเจ็บช้ำ…
นี่ไม่ใช่ความจริง นี่ไม่ใช่ความจริง นี่ไม่ใช่ความจริง…
ท่าทางตอบสนองที่รุนแรงของแม่นมทำให้ซูเสี่ยวเตาสะดุ้งเฮือก ดวงตามองตามร่างที่โซเซหายลับเข้าไปในความมืดพลางพึมพำ “แม่นม…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
ดูเหมือนครั้งนี้จะได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างร้ายแรงจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอก พวกสตรีก็เช่นนี้แหละ” ซูเถี่ยโถวตบบ่าลูกสาวอย่างฮึกเหิมพร้อมยิ้มกว้าง “นางไม่เข้าใจเรื่องรบทับจับศึกหรอก พวกเรามาคุยกันต่อเถิดนะ มาคุยกันต่อ เท่าที่เจ้าพูดมามีเหตุผลอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรเจ้าไปอยู่กับท่านแม่ทัพใหญ่ก็จะได้เรียนรู้สิ่งดีๆ มากมาย อีกอย่างกลิ่นตัวเหม็นๆ ของเจ้าหนุ่มพวกนั้นก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว อืมๆ ได้! พ่อคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา!”
“แน่นอน ข้าเป็นลูกสาวท่านพ่อนี่นา ความคิดของข้าจะมีปัญหาได้อย่างไรกันเล่า” นางหัวเราะหึๆ ดวงตาสุกใสฉายแววเหี้ยมเกรียมแวบหนึ่งแบบที่เห็นแล้วศัตรูต้องสะท้าน
จะมีปัญหาได้หรือ ต่อให้มีปัญหาจริงนางก็จะรั้นให้สำเร็จ ไม่มีปัญหาใดที่ใช้กำลังแก้ไม่ได้หรอก!
ในเวลาเดียวกันนั้น ณ กระโจมแม่ทัพในค่ายทหาร หร่วนชิงเฟิงขนสันหลังลุกเกรียว แล้วจามพรืดใหญ่อย่างไร้สาเหตุ
“ฮัดชิ่ว!”
เขาลูบสันจมูก พลางพึมพำกับตนเองยิ้มๆ “สตรีคนใดคิดถึงข้าอีกล่ะ เฮ้อ…ข้าก็กลับตัวกลับใจเลิกเสเพลแล้วไม่ใช่หรือ”
หร่วนชีที่เร้นกายอยู่ในเงามืดกลอกตา พูดอะไรไม่ออก
ซูเสี่ยวเตาตื่นเต้นจัด เอาแต่ลับดาบทั้งคืนไม่ยอมหลับยอมนอน เช้ามาแม้ดวงตาจะแดงก่ำไปด้วยเส้นเลือด แต่นางก็ยังสดชื่นกระปรี้กระเปร่า รีบวิ่งโร่ไปที่ค่ายโดยไม่ยอมเสียเวลากินข้าวเช้า ทำเอาทหารที่เฝ้าประตูตกใจจนแทบชักดาบออกมาทักทาย
“แม่ทัพใหญ่ให้ข้ามารายงานตัวตอนเช้า!” นางแย้มยิ้มกล่าว
“น้องสาวมาเช้าไปหน่อยหรือไม่” ทหารร่างสูงใหญ่มองท้องฟ้าด้านตะวันออกที่เพิ่งมีแสงรำไรด้วยสีหน้าทะแม่งๆ พระอาทิตย์เพิ่งโผล่หน้าออกมานิดเดียวเท่านั้น
“นี่ไม่เช้าแล้วล่ะ” นางยิ้มกว้าง “ข้าคำนวณไว้แล้ว มายามนี้กำลังดี จะได้เข้าไปช่วยขัดทวนในกระโจมให้แม่ทัพใหญ่ได้ทันเวลา”
“ขัด…แค่กๆ” พลทหารที่ห่างเหินเรื่องสตรีมานานคิดลึกไปถึงไหนต่อไหนจนสำลักน้ำลาย
“แหงนมองภูผาสูง จันทร์อร่ามหอประจิม ข้าเทียบรหัสวันนี้มาแล้ว ทีนี้ก็เข้าไปในค่ายได้แล้วนะ” ซูเสี่ยวเตาโบกมือ แบกดาบเล่มใหญ่เดินอาดๆ เข้าไปข้างในพร้อมครวญเพลงในคออย่างอารมณ์ดี