ใบหน้าเรียวเล็กเป็นสีแดงกับดำสลับกัน น่ามองอย่างยิ่ง
“แค่กๆ” หร่วนชิงเฟิงกลายเป็นฝ่ายร้อนตัวเสียเอง เขาหุบยิ้ม ถอดเสื้อคลุมสีขาวพิสุทธิ์ราวกับหิมะบนร่างตนเองโยนไปข้างหลังอย่างแม่นยำ แล้วพูดเสียงอ่อนโยน “เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว น้ำเย็น น้องหญิงอย่าปล่อยให้ร่างกายหนาว สวมเสื้อเสียก่อนค่อยขึ้นมาเถิด”
นางเอื้อมมือไปรับเสื้อห่มคลุมร่างเปียกปอนของตนเองอย่างรวดเร็ว เสื้อตัวใหญ่ยังมีไออุ่นและกลิ่นจากร่างเขาตกค้างอยู่ ทำให้นางรู้สึกเหมือนถูกเขาสวมกอดไว้แนบอกแน่นๆ อย่างไรอย่างนั้น
หัวใจนางพลันเต้นแรงขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ อะไรบางอย่างเหมือนครูดกระเพาะเบาๆ ก่อนจะกลายเป็นความอบอุ่นที่ทำให้ทรวงอกร้อนผ่าวและมึนหัวนิดๆ
“ตายล่ะ” นางลูบแก้มที่ร้อนฉ่าของตนเองพลางพึมพำ “แย่ชะมัด คงเป็นไข้เสียแล้ว”
“เสร็จหรือยัง” ชายหนุ่มเช็ดเลือดกำเดาไม่เอาไหนออกไปเรียบร้อยก็กระแอมแล้วเอ่ยถามยิ้มๆ
“เสร็จแล้ว” ต่อให้หัวทื่อหัวช้าเพียงใด ถึงอย่างไรนางก็เป็นหญิง พอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็อดจะประดักประเดิดและเขินอายไม่ได้ “เมื่อครู่แม่ทัพใหญ่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นใช่หรือไม่”
หร่วนชิงเฟิงผงะไปเมื่อได้ยินดังนั้น ก่อนจะยกมือลูบคางพร้อมทำหน้าดื่มด่ำครุ่นคิด
“…บอกตามตรง ที่ควรได้เห็นดันไม่เห็น”
เฮ้อ…น่าเสียดายนัก เจ็บปวดเหลือเกิน
ซูเสี่ยวเตาถอนหายใจโล่งอกก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ข้าก็ว่าแล้วเชียว แม้บางครั้งแม่ทัพใหญ่จะทำตัวทึ่มๆ โง่ๆ อยู่บ้าง แต่ก็เป็นลูกผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษที่ควรเคารพยกย่อง ฮ่าๆ”
“เอาเสื้อคืนมาเลย” มุมปากของเขากระตุกริกๆ
“หา?”
เขายกมือใหญ่สวยเรียวได้รูปที่เห็นข้อกระดูกชัดขึ้นไปแตะขมับแล้วนวดแรงๆ
นางเดินขึ้นมาบนฝั่ง พอเหลือบไปเห็นกระต่ายป่าสามตัวที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยก็อุทานด้วยความตกใจ
“ตายแล้ว ข้ายังไม่ได้ถลกหนังกระต่ายเลย!”
“ตอนนี้ยังมีแก่ใจมาห่วงกระต่ายอีกหรือ” แม้จะยังกรุ่นๆ อยู่ในใจ สุดท้ายหร่วนชิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหานางแล้วผูกเชือกตรงคอเสื้อที่ผูกไว้เบี้ยวๆ ให้ใหม่
“ที่ล้มเมื่อครู่เจ็บหรือไม่”
“ไม่เป็นไร แค่ก้นไปครูดกับก้อนหินในลำธารเลยชานิดหน่อยเท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
มือใหญ่ชะงัก ใบหูแดงก่ำและร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ปลายนิ้วที่เมื่อครู่ยังเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วก็กลายเป็นเงอะงะงุ่มง่ามอย่างไร้สาเหตุ ทำอย่างไรก็ผูกเชือกไม่เสร็จเสียที อีกทั้งปลายนิ้วยังพันกับเชือกวุ่นไปหมด จนต้องรีบแกะออกแล้วพยายามผูกใหม่อีกครา
หร่วนชิงเฟิงโน้มตัวลงผูกเชือกคอเสื้อให้คนตัวเล็กที่สูงแค่อกตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่ซูเสี่ยวเตาพยายามแอ่นอกให้ความร่วมมือกับเขา บรรยากาศสุขสงบในเวลานี้ค่อยๆ แปลกขึ้นทุกที
ใบหน้าคมคายของเขาคลอเคลียอยู่ตรงคางและซอกคอนาง ไออุ่นและลมหายใจแบบบุรุษเพศเป่ากระทบผิวเบาๆ จนนางรู้สึกจั๊กจี้เป็นระลอกอย่างน่าประหลาด เด็กสาวกลั้นหายใจยืนตัวแข็ง ปรากฏว่าพอทำเช่นนั้นเนินอกกลมกลึงก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว และสัมผัสถูกปลายนิ้วที่กำลังผูกปมเชือกให้เบาๆ
แม่ทัพหนุ่มรู้สึกเหมือนสายฟ้าแล่นผ่านร่าง เขาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะหนึ่ง พอปรับลมหายใจได้ก็ผูกเชือกต่ออย่างมั่นคง ทว่ายิ่งผูกยิ่งยุ่ง ยิ่งยุ่งยิ่งนาน ยิ่งนานซูเสี่ยวเตาที่พยายามจะกลั้นหายใจยิ่งอึดอัด ยิ่งอึดอัดเนินอกก็ยิ่งยกสูงขึ้น
น่าโมโหนัก! ตอนสู้กับเสือตัวเขื่องนัยน์ตาทองเมื่อครู่ข้ายังไม่กระสับกระส่ายเท่านี้!