ฉินโยวโยวหารู้ไม่ว่าเหยียนตี้กำลังให้ความสนใจกับนางอยู่ นางกำลังง่วนอยู่กับการสังเกตเสื้อผ้าอาภรณ์และกิริยาท่าทางของคนทั้งหลายเพื่อให้แยกแยะ ‘ผู้มีพระคุณ’ ของตนออกมาได้
ประจวบเหมาะที่เวลานี้เหลียงลิ่งเองก็ขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือพอดี เขาเดินไปหยุดที่ข้างกายเหยียนตี้ก่อนค้อมตัวน้อยๆ กระซิบบอกกล่าวอะไรบางอย่าง
เป็นเขา!
คนผู้นี้เป็นคนที่เย่อหยิ่งวางโตที่สุดในคนทั้งกลุ่ม แม้ว่าแต่ละคนจะหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนกัน แต่ท่าทางกลับสู้เขาไม่ได้ อีกทั้งผมขาวโพลนทั้งศีรษะของเหลียงลิ่งก็มีเอกลักษณ์ชัดเจนยิ่ง ฉินโยวโยวเห็นแวบเดียวก็จำได้ว่าเขาคือผู้ติดตามข้างกายผู้มีพระคุณ นางรู้จากปากของคนเรือหญิงว่าบนเรือมีคนผมขาวอยู่แค่คนเดียว
ฉินโยวโยวมั่นใจในเป้าหมายแล้วก็วางใจก้าวเดินไปหา
“เจ้าจำข้าไม่ได้?” เหยียนตี้นึกถึงแววตาเหมือนไม่รู้จักกันเมื่อครู่นี้ของนางแล้วก็ให้รู้สึกไม่ชอบใจ
ถ้อยคำทักทายเอาใจที่ฉินโยวโยวเตรียมมาเป็นกระบวนใหญ่ถูกคำถามอันไร้ที่มานี้ทำเอาตกใจจนหดกลับมา หลังนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ในใจก็อดจะค่อนแคะไม่ได้ ท่านเป็นใครกัน! ทุกคนจำเป็นต้องรู้จักท่าน?! อยากมีชื่อเสียงจนเสียสติไปแล้วกระมัง!
ทว่าภายนอกฉินโยวโยวกลับทำท่าทางเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยที่เหนียมอายรู้สึกผิด นางก้มหน้างุดไม่ตอบคำ มั่นใจว่าบุรุษอย่างเหยียนตี้คงไม่สะดวกใจจะถือสาหาความในเรื่องเล็กๆ พรรค์นี้กับนางต่อหน้าคนทั้งหลาย
เหยียนตี้โบกมือสั่งเหลียงลิ่ง “ไปหยิบหมวกคลุมมา”
เหลียงลิ่งไปจัดการตามคำสั่งทันที เพียงประเดี๋ยวเดียวก็หาหมวกคลุมผ้าดำมาได้ อันที่จริงมันคืองอบที่คนเรือหญิงใช้ประจำแต่เอามาคลุมขอบด้วยผ้าสีนิลผืนบาง ดูเข้ากับการแต่งกายในยามนี้ของฉินโยวโยวอย่างยิ่ง
“สวมเสีย” เหยียนตี้แสดงท่าทีบอกให้เหลียงลิ่งส่งหมวกคลุมไปไว้ในมือฉินโยวโยว น้ำเสียงออกคำสั่ง ไม่มีที่เหลือให้สงสัยต่อรองแม้แต่เศษเสี้ยว
ฉินโยวโยวเข้าใจดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้ตนเองต้องพยายามไม่ทำตัวให้โดดเด่นเท่าที่จะทำได้ ต่อให้เหยียนตี้ไม่บอก นางก็จะเป็นฝ่ายขอให้พวกเขาช่วยหาพวกเสื้อคลุมไม่ก็ผ้าคลุมหน้าที่สามารถอำพรางใบหน้ามาให้อยู่แล้ว หากแต่ท่าทีออกคำสั่งอย่างยโสเช่นนี้ของเหยียนตี้ทำให้นางไม่ชอบใจเอาเสียเลย
ทว่าตอนนี้ยังต้องอาศัยคนเขาอยู่ นางต้องอดทน
ฉินโยวโยวรับหมวกคลุมมาอย่างว่าง่าย โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณเสียงเบา “ผู้มีพระคุณสิ้นเปลืองความคิดแล้ว”
เสแสร้งได้แนบเนียนนัก! ไม่รู้ว่านางคิดจะเสแสร้งไปถึงเมื่อไร เหยียนตี้กวาดตามองนางปราดหนึ่ง ก่อนสั่งคนเรือให้นำเรือเทียบท่า
จากจุดที่ฉินโยวโยวตกแม่น้ำมาถึงท่าเรือซานไถ เดิมทีเดินทางทางน้ำราวห้าหกวันก็มาถึงแล้ว ไม่รู้เหยียนตี้นึกอะไรถึงดึงดันให้หยุดเรืออยู่กลางแม่น้ำเสียหลายวัน วันนี้ก็ผ่านมาจากวันที่นางเกิดเรื่องถึงสิบวันเต็มแล้ว
บริเวณท่าเรือยังคงมีทหารแคว้นตัวลี่เรียกตรวจพ่อค้าสัญจรอยู่เช่นเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เคร่งเครียดอะไรนักแล้ว ล้วนแต่ง่วนอยู่กับการฉวยโอกาสกรรโชกทรัพย์เรือสินค้าที่ผ่านทาง
ฉินโยวโยวสวมหมวกคลุมเดินตามเหยียนตี้และเหลียงลิ่งลงจากเรือไปอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ดูไปแล้วก็เหมือนเป็นคุณชายสูงศักดิ์ที่มาพร้อมบ่าวชรา โดยให้คนเรือหญิงตัวผอมลีบนำทางเดินสูดอากาศบนท่าเรือ
ความรู้สึกที่เท้าได้เหยียบพื้นดินอีกครั้งช่างดีโดยแท้! ฉินโยวโยวยังไม่ทันได้คลายความอุดอู้ก็พลันได้ยินเสียงฆ้องดังรัวมาจากลานว่างด้านหน้าท่าน้ำ จากนั้นกลุ่มคนทางนั้นก็โกลาหลขึ้นมาทันที ม้าพันธุ์ดีสีดำสนิทห้าตัวพุ่งตรงออกจากกลางฝูงชน วิ่งมาถึงริมท่าเรือถึงค่อยหยุดฝีเท้า