บทที่ 2
ข้ออ้างที่จะจากไปของฉินโยวโยวนั้นมีอยู่แล้ว…นางต้องการไปเมืองปาไซ่เพื่อพบกับสัตว์วิเศษของนาง ไม่สะดวกจะอยู่รบกวนอีก หากมีวาสนาพวกเราค่อยพบกันใหม่!
แน่นอนว่ายังไม่ลืมเรื่องที่ต้องขอคลังอาวุธของตนเองกลับมาด้วย
ส่วนบุญคุณช่วยชีวิตที่ติดค้างเหยียนตี้และพวกของนอกกายเหล่านี้ก็ติดเอาไว้ก่อนแล้วกัน ผู้มีพระคุณดูมีเงินมากมาย น่าจะไม่มาคิดเล็กคิดน้อยในเรื่องพวกนี้กับนาง หากคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ ก็ให้เลือกของสักชิ้นสองชิ้นจากในบรรดาของเล็กของน้อยเหล่านั้นของนางมาเป็นของขวัญขอบคุณก็มากเหลือเฟือแล้ว
อาวุธลับที่ ‘มือเทพเนรมิต’ ทำไม่ว่าชิ้นใดก็ล้วนเรียกราคาได้สูงลิบลิ่ว
ฉินโยวโยวดีดลูกคิดรางแก้วดังก๊อกแก๊ก เดินตามสองสาวใช้ไปพบเหยียนตี้อย่างให้ความร่วมมือผิดปกติ
เหยียนตี้กำลังเตรียมกินอาหารเช้าอยู่ในโถงรับแขก เหลียงลิ่งก็ยืนอยู่ข้างกายเขา บนโต๊ะมีอาหารเช้าประณีตบรรจงต่างชนิดต่างรูปแบบวางอยู่อย่างน้อยยี่สิบกว่าจาน ขณะที่ฉินโยวโยวเข้าประตูมาก็ได้ยินชายวัยกลางคนในชุดพ่อบ้านคนหนึ่งพูดกับเหยียนตี้ด้วยสีหน้าละอายใจพอดี “บ่าวไร้ความสามารถ ด้วยความฉุกละหุกจึงเตรียมมาได้เพียงเท่านี้”
นี่มันมากเกินไปแล้วต่างหาก! เขาคนเดียวกินมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ ฉินโยวโยวรู้สึกว่าพ่อบ้านผู้นี้กำลังขอความดีความชอบในอีกรูปแบบหนึ่ง
ในที่สุดวันนี้นางก็หาเป้าหมายพบได้อย่างแม่นยำเป็นครั้งแรก ต้องขอบคุณที่เหล่าบุรุษไม่กี่คนในห้องโถงนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
สายตาเหยียนตี้เลื่อนมาตกบนตัวฉินโยวโยว ในดวงตามีบางอย่างวาบผ่าน คล้ายว่าค่อนข้างพอใจในการแต่งกายหรูหราเต็มยศของนาง เขาพยักหน้ากล่าวเรียก “มานั่งลงกินอาหารสิ”
ปัจจุบันนี้ความนึกคิดของผู้คนโดยมากล้วนเปิดกว้าง ไม่ได้เหมือนราชวงศ์ก่อนที่เอาแต่พูดเรื่องชายหญิงมีความแตกต่าง ห้ามข้องแวะใกล้ชิดกันอะไรพวกนั้น แต่ฉินโยวโยวก็ไม่ได้รู้สึกว่าตนเองคุ้นเคยกับเหยียนตี้จนถึงขั้นร่วมโต๊ะกินอาหาร หรือดื่มสุราสังสรรค์กันได้
นางอยากปฏิเสธอย่างมีศักดิ์ศรียิ่งนัก แต่กระเพาะกลับไม่ให้ความร่วมมือเสียเลย นับตั้งแต่อาหารยามบ่ายของเมื่อวานที่นางกินก่อนลงจากเรือจนถึงบัดนี้ก็มีเพียงของว่างไม่กี่ชิ้นที่เหยียนตี้ทิ้งไว้ให้นางได้ฝืนยัดลงไปตอนที่ฟื้นมากลางดึกของเมื่อคืน เวลานี้นางหิวจนตาลายไปหมดแล้ว
อาจารย์สั่งสอนนางมาตั้งแต่เล็กว่าเรื่องหิวเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เรื่องอื่นล้วนค่อยว่ากันทีหลังได้ ดังนั้นเมื่อมีของโอชะเต็มโต๊ะมาล่อใจ ฉินโยวโยวลังเลแค่ชั่วประเดี๋ยวหนึ่งก็นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
กินไม่คุย นอนไม่พูด ใบหน้าไร้อารมณ์ของเหยียนตี้ทำให้คนกดดันอย่างมากจริงๆ ฉินโยวโยวตัดสินใจจะไม่เสี่ยงเปิดประเด็นที่อาจทำให้เขาไม่พอใจขึ้นบนโต๊ะอาหาร นางกินอาหารเช้าไปอย่างสุดจะน่ารักว่าง่ายภายใต้การปรนนิบัติของสาวใช้โดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
ส่วนเรื่องที่ว่าเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าถ้าตนเองเอ่ยเรื่องจะจากไปออกมาแล้วจะทำให้เหยียนตี้ไม่พอใจนั้น…ฉินโยวโยวไม่ทันได้ตระหนักถึงปัญหานี้โดยสิ้นเชิง มันมาจากสัญชาตญาณอันแปลกพิสดารอย่างหนึ่งเท่านั้น
เหยียนตี้มองดูฉินโยวโยวที่อยู่เบื้องหน้าเคี้ยวคำเล็กแล้วค่อยๆ กลืนเหมือนลูกแมวอย่างเงียบๆ ในใจออกจะเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง
สำหรับสตรีที่สามารถคลุกคลีกับโจรภูเขาโจรท้องถิ่นได้นางหนึ่งกลับรู้กิริยามารยาทดีจนน่าอัศจรรย์ใจ แม้จะไม่ถึงขั้นวางตัวสูงส่งอย่างพวกเชื้อพระวงศ์ แต่การแต่งกายรวมกับรูปโฉมและการได้รับการอบรมสั่งสอนมาในระดับนี้ เทียบกับบุตรสาวตระกูลขุนนางใหญ่แล้วก็หาได้ด้อยกว่าไม่
ทว่าคิดดูอีกทีเขาก็หายข้องใจ สาวน้อยนางนี้เป็นไปได้มากที่จะเป็นผู้สืบทอดของ ‘คนผู้นั้น’ ศิษย์เอกของผู้วิเศษผู้ตัดขาดจากทางโลกจะหยาบช้าไร้มารยาทได้อย่างไร
เช่นนี้ก็ดี หลังกลับถึงเมืองจื่อเยี่ย ไม่ต้องใช้เวลานานนักก็สามารถสอนกฎเกณฑ์มารยาทให้นางได้แล้ว
ถ้าฉินโยวโยวรู้ว่าในใจเหยียนตี้เคยนึกดูถูกนางถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงได้มีล้มโต๊ะด่าคนเสียตรงนี้กระมัง