ต้าจุ่ยเอียงหัวพินิจมองการกระทำของเหยียนตี้โดยไม่ได้ห้ามปราม กระทั่งเขาห่มผ้าเสร็จแล้ว มันถึงสะบัดขนสีดำสนิทบนตัว แค่นเสียงพูดขึ้นว่า “เจ้าชอบโยวโยวใช่หรือไม่ ไม่มีประโยชน์ นางมีคนที่ชอบแล้ว”
“อ้อ?” เหยียนตี้ยังคงใบหน้าไร้อารมณ์ แต่ต้าจุ่ยกลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าความหนาวเหน็บขุมหนึ่งได้แผ่ขึ้นมาจากใต้กรงเล็บ
มันร้องแว้กๆ สองที กางปีกบินไปเกาะบนคาน จงใจไม่พูดเรื่องนี้ต่อ พริ้มตาแกล้งหลับเสียเลย
เหยียนตี้เองก็ไม่ซักไซ้ เขาหันหลังก้าวปราดๆ จากไป
ไม่ว่าเรื่องที่นกตัวนี้พูดมาจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ผู้ที่ฉินโยวโยวจะชอบหลังจากนี้ย่อมต้องเป็นเขา และจะเป็นเขาเพียงผู้เดียว…ไม่มีทางมีคนอื่น
กระทั่งเขาเดินจากไปไกลแล้ว ต้าจุ่ยถึงค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนพึมพำอย่างแฝงความหมายลึกซึ้ง “เจ้าคนถือดี วันหน้าเจ้าได้ลำบากแน่!”
เช้าวันรุ่งขึ้น เหยียนตี้พาฉินโยวโยวไปดูคลังสมบัติที่อยู่ใต้สวนดอกไม้ด้วยตนเอง
ผู้ที่เฝ้าคลังสมบัติถึงกับเป็นขันทีวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีความสามารถระดับยอดยุทธ์ขั้นเก้า…ยอดยุทธ์ขั้นเก้าเชียวนะ! อีกเพียงขั้นเดียวก็จะเป็นบุคคลขั้นสุดยอดที่อยู่เหนือมนุษย์เข้าใกล้ขั้นเซียน แต่ถึงกับมาเฝ้าประตูให้ผู้อื่นอยู่ตรงนี้!
ขันทีผู้นี้ดูหลังค่อม สีหน้าแข็งทื่อ ทว่ายามที่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมองคนกลับคล้ายว่าสามารถมองคนได้ทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้น
ฉินโยวโยวถูกเขามองจนจิตใจวูบไหว อยากจะถลึงตามองกลับไปด้วยความไม่ชอบใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าผู้มีพระคุณปีศาจยังอยู่ที่ด้านข้างก็เปลี่ยนแผนการ แสร้งทำท่าทางอ่อนแอปวกเปียกตั้งท่าจะหลบเข้าหลังเขาทันที
เหยียนตี้มองเห็นท่าทางอ่อนแอของนางที่เกิดขึ้นอย่างจงใจแล้วก็ไม่รู้ว่าควรโมโหหรือควรขบขันดี เขาบีบมือนางเบาๆ ก่อนเอ่ยว่า “เหล่าจั๋วอยู่ในหน้าที่ ต้องจำรูปโฉมกลิ่นอายของคนที่เข้ามาในสถานที่สำคัญอย่างคลังสมบัติให้ได้ชัดเจนทุกคน เจ้าไม่ต้องไปใส่ใจ”
“กลัวจะมีคนแปลงโฉมลอบเข้าไปอย่างนั้นหรือ เขาจำคนที่เข้าไปได้ทุกคน? จะเก่งเกินไปแล้ว!” ฉินโยวโยวชมจากใจจริง นางอิจฉาความสามารถในการจดจำคนที่แสนจะแม่นยำนี้ยิ่งนัก หากนางฝึกจำได้สักหน่อยก็คงไม่หลงเห็นอริเป็นผู้มีพระคุณจนถูกคนเขาหลอกพาเข้ารังหมาป่าเช่นนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดาเหตุการณ์ข้างหน้าได้
“อืม นับตั้งแต่คลังสมบัติสร้างเสร็จจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่เคยเข้าออกรวมเจ้าด้วยก็มีห้าคน การจะจำให้ได้ทุกคนหาใช่เรื่องยากไม่” เหยียนตี้มองความคิดฉินโยวโยวออกทะลุปรุโปร่ง แต่ก็มิได้เปิดโปง ยามเห็นท่าทางอึดอัดคับข้องใจของสาวน้อยแล้วก็ทำให้เขาอารมณ์ดีอย่างมาก
ขันทีนาม ‘เหล่าจั๋ว’ ผู้นั้นมองดูฉินโยวโยวจนชัดเจนแล้วก็ค้อมตัวไปเปิดประตูใหญ่ของคลังสมบัติ เชิญคนทั้งสองเข้าไป
ขณะที่เหยียนตี้เดินผ่านเหล่าจั๋วก็กล่าวขึ้นว่า “หลังจากนี้นางจะเข้าออกที่นี่เป็นประจำสักพักหนึ่งเพื่อออกแบบกับดักกลไกภายในคลังขึ้นใหม่”
สีหน้าแข็งทื่อของเหล่าจั๋วปรากฏระลอกอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย เขาตอบรับเสียงเบาว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก สายตาที่มองมายังฉินโยวโยวมีแววประหลาดใจเพิ่มมาเล็กน้อย เขาแปลกใจอยู่แต่เดิมแล้วว่าเหตุใดนายท่านที่ไม่เคยข้องแวะกับสตรีมาก่อนถึงได้พาสตรีนางหนึ่งเข้ามายังสถานที่สำคัญอย่างคลังสมบัติ คิดไม่ถึงว่านางจะเป็นนักกลไก!
ด้านหลังประตูใหญ่เป็นบันไดที่ทอดยาวลงไปด้านล่าง พอเหล่าจั๋วใช้หินจุดไฟตะเกียงน้ำมันดวงหนึ่งที่ข้างประตู ก็มองเห็นเพลิงสายหนึ่งลุกจากตะเกียงน้ำมันแรกลามลงไปยังด้านล่าง บนผนังทางเดินจะมีตะเกียงน้ำมันอยู่หนึ่งดวงทุกๆ สามฉื่อ เพียงชั่วครู่เดียวก็มีไฟติดทั้งหมด