เหยียนตี้ราวกับเตรียมป้องกันปากต้าจุ่ยไว้ก่อนแล้ว เขาดีดนิ้วทีหนึ่ง พลังปราณไร้รูปสายหนึ่งก็ซัดไปที่จะงอยปากของต้าจุ่ย ทำให้มันหล่นตุ้บลงจากบ่าฉินโยวโยว ยาลูกกลอนเม็ดนั้นย่อมจะรอดพ้นปากมัน
ฉินโยวโยวพูดด้วยความร้อนใจ “ต้าจุ่ย เจ้าเป็นอะไรหรือไม่!”
ต้าจุ่ยขดตัวกลมอยู่บนเตียง กางปีกปิดจะงอยปากแล้วครวญครางโอดโอย
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าไม่ได้ออกแรงสักนิด!” เหยียนตี้พูดเสียงเย็นเยียบ
ต้าจุ่ยเหลือกตาพลางแค่นเสียง ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมา มันไม่เป็นอะไรจริงๆ ฉินโยวโยวเพิ่งวางใจได้ก็ได้ยินเหยียนตี้กล่าวขึ้นว่า “นี่คือลูกกลอนเปลี่ยนชีพจร ไม่ใช่ยาพิษ เจ้ากินได้อย่างวางใจแล้ว”
ลูกกลอนเปลี่ยนชีพจรเป็นโอสถวิเศษชื่อดังในใต้หล้า ต่อให้ธาตุไฟเข้าแทรกหรือได้รับบาดเจ็บภายในจนชีพจรขาดสะบั้น ขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ เมื่อกินลูกกลอนเปลี่ยนชีพจรลงไปแล้วก็จะทำให้อาการบาดเจ็บค่อยยังชั่วขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งเดือนชีพจรก็สามารถฟื้นกลับมาดีดังเดิม ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นดั่งลูกกลอนเซียนช่วยชีวิตสำหรับผู้ฝึกตนทีเดียว
เนื่องจากสมุนไพรวิเศษที่ต้องใช้ในการหลอมยาลูกกลอนชนิดนี้ล้ำค่าหายากเกินไป ต่อให้เป็นจอมแพทย์ก็มีเพียงไม่กี่เม็ด ยิ่งไม่มีทางนำมาให้นางกินได้ทุกวันเหมือนกับเหยียนตี้
ฉินโยวโยวพูดอย่างไม่พอใจ “ข้าถูกพิษของลูกกลอนสลายพลังก็จริง แต่ชีพจรไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไยท่านถึงให้ข้ากินลูกกลอนเปลี่ยนชีพจรนี้ทุกวัน นี่ไม่ใช่การสิ้นเปลืองหรือไร”
ไม่ว่าพูดอย่างไร การที่นางเข้าใจผู้อื่นผิดว่าเขาบังคับให้กินยาพิษก็มิใช่เรื่องดีเท่าไรนัก
“บำรุงร่างกายเจ้าให้ดีขึ้นอีกสักหน่อย ยามที่ฝึกตนในวันหน้าจะได้ไม่ต้องเดินอ้อมมาก” วาจาอันเปี่ยมด้วยความอาทรห่วงใยที่เปล่งออกมาจากปากของเหยียนตี้นั้นเย็นยะเยือกปราศจากซึ่งความรู้สึก
“ท่านไม่เหมือนคนที่ไม่จดจำแค้นเก่าซ้ำยังสนองโทษด้วยคุณ…” ฉินโยวโยวยังคงสองจิตสองใจไม่ยอมกินยาลงไป
ต้าจุ่ยที่เมื่อครู่ถูกซัดร่วงก็อดสอดปากเหน็บแนมไม่ได้ “พูดเสียน่าฟัง หมูก็ต้องขุนให้อ้วนก่อนค่อยเชือดทั้งนั้น!”
เหยียนตี้ตวัดมองมันเรียบๆ ปราดหนึ่ง นกตัวนี้ไม่โง่เลย ทว่ามันก็ไม่มีปัญญาจะทำเขาเสียเรื่องได้
ฉินโยวโยวแค้นใจยิ่ง ต้าจุ่ยจะพูดก็พูดไป เหตุใดต้องเปรียบเทียบนางเป็นหมูด้วย…ทว่าในใจนางก็เห็นด้วยกับความคิดของมัน เหยียนตี้ให้ความสนใจต่อชีพจรนางถึงขั้นไม่เสียดายที่จะสิ้นเปลืองโอสถวิเศษล้ำค่าเป็นจำนวนมาก นี่เขากำลังวางแผนทำอะไรกับนางกันแน่
“เจ้าอยากให้ข้าป้อนยาให้เจ้ากินด้วยตนเอง?” น้ำเสียงของเหยียนตี้จริงจังยิ่ง
“กินก็กินสิ เหตุใดต้องดุถึงเพียงนี้ด้วย” ฉินโยวโยวบ่นงึมงำด้วยความจนใจ ก่อนส่งยาลูกกลอนที่อยู่ในมือเข้าปากแล้วกลืนลงท้อง
ความรู้สึกง่วงงุนอันคุ้นเคยถาโถมมาเป็นระลอก นางค่อยๆ ล้มตัวลงบนเตียงแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราไป ลืมไปเสียสนิทว่าในจวนไม่มีพวกสาวใช้อยู่ ไม่มีทางมีใครมาจัดท่าจัดทาง ถอดรองเท้า และห่มผ้าให้นางหลังจากนางนอนหลับไปแล้ว
เหยียนตี้ก้มหน้ามองใบหน้ายามนิทราที่ดูสงบราบเรียบของฉินโยวโยวอยู่ชั่วครู่ ก่อนก้าวมาถอดรองเท้าปักลายออกให้นางแล้วอุ้มนางวางตรงกลางเตียงด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติอย่างยิ่งยวด
แขนของฉินโยวโยวคลายออกโดยไม่รู้ตัว เสี่ยวฮุยที่อยู่ในอ้อมแขนจึงกลิ้งตกลงนอนแน่นิ่งข้างกายนาง เห็นได้ชัดว่ามันหลับเป็นตายไปก่อนเจ้านายก้าวหนึ่งแล้ว มิน่าเมื่อครู่นี้ถึงไม่ได้ส่งเสียงสักนิด
ทุกครั้งหลังจากกินอาหารมื้อใหญ่ เสี่ยวฮุยล้วนจะนอนหลับสนิท ต่อให้โยนมันลงพื้นก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมา เหยียนตี้เห็นจนชินตานานแล้ว เขาจึงยื่นมือไปดึงผ้าห่มมาคลุมลงบนร่างฉินโยวโยว ซึ่งก็คลุมกระต่ายอ้วนตัวนั้นไว้ทั้งตัวด้วยเช่นกัน โดยไม่สนใจว่ามันจะอึดอัดหรือไม่…กระต่ายสองหน้าไร้ประโยชน์ที่ดีแต่กินแต่นอนเช่นนี้ อึดอัดตายไปก็ยิ่งดี!