‘ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าให้มีคราวหน้าอีก!’
ไม่ได้กินอะไรซ้ำยังก่อความวุ่นวายเสียยกใหญ่ เยี่ยจื่อชิวสาวเท้าเร็วจากไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เพิ่งจะออกจากประตูก็เผชิญหน้ากับสาวสวยผมสีทองตาสีฟ้าสูงเพรียวสองคนที่เดินเข้ามา ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคัก เพราะว่าเยี่ยจื่อชิวฟังคำพูดของคนทั้งสองไม่รู้เรื่องสักประโยคจึงเผลอมองไปอีกหลายครั้งโดยไม่รู้ตัว
คงเป็นเพราะสายตาพิจารณาของเยี่ยจื่อชิว ‘ร้อนแรง’ เกินไป สาวผมทองหนึ่งในสองคนนั้นจึงย่นคิ้วได้รูปสวย ชำเลืองมองเยี่ยจื่อชิวแวบหนึ่ง เอ่ยปากก็เป็นภาษาปักกิ่งมาตรฐาน
‘มองอะไรน่ะ ไม่เคยเห็นคนต่างชาติหรือไง!’
เยี่ยจื่อชิวได้ฟังก็ตกตะลึง ไม่ได้กล่าวคำพูดใด เพียงเดินมุ่งตรงไปข้างหน้าพลางพูดพึมพำ ‘คนคอเบี้ยว…คนแคว้นเทียนความคิดอ่านแปลกประหลาดเสียจริง คนคอเบี้ยวเหตุใดจึงดูเหมือนคนปกติถึงเพียงนี้ ไม่อาจเข้าใจได้…ไม่อาจเข้าใจได้’
พอไม่ได้กินข้าว ท้องของเยี่ยจื่อชิวก็คล้ายว่าจะมีอาการหิวเกินขนาด นางไม่ได้ทุกข์ทรมานเท่ากับก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าสภาพร่างกายได้รับผลกระทบอยู่บ้างจึงไม่สะดวกที่จะต่อสู้ เคราะห์ดีที่เมื่อครู่อีกฝ่ายก้มศีรษะลงก่อน ไม่อย่างนั้นเกิดต่อสู้กันขึ้นมา หนึ่งคนต้านทานคนหมู่มาก…แค่คิดก็รู้สึกกลัวแล้ว
เยี่ยจื่อชิวเดินตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายมาตลอดทาง มองดูสีของท้องฟ้า เวลานี้คิดว่าน่าจะยามจื่อสามเค่อ โดยประมาณ ระหว่างทางบางคราวก็มี ‘กล่องเหล็ก’ แล่นผ่านไปมา แทบจะไม่พบผู้คน เปลือกตาของเธอหนักอึ้งแทบลืมไม่ขึ้น อยากจะนอนเหลือเกิน ทว่าสถานที่พักผ่อนอย่างโรงเตี๊ยมที่เห็นได้ทุกหนแห่งในราชวงศ์ตี้ เมื่อมาถึงราชวงศ์เทียนกลับกลายเป็นสิ่งหายาก ไม่แน่ว่ากระทั่งไม่อาจเรียกขานว่าหายากได้ นางสงสัยว่าจะไม่มีเสียด้วยซ้ำ…
เดินทึ่มทื่อมาถึงถนนกว้างขวางสายหนึ่ง ด้านหนึ่งของถนนมีรั้วสูงเท่าครึ่งคน ด้านล่างเป็นแม่น้ำสายหนึ่ง
เยี่ยจื่อชิวมือกุมราวจับหยุดพัก พอเห็นแม่น้ำดวงตาก็พลันสว่างขึ้น มีแม่น้ำหมายความว่าอย่างไร ก็หมายความว่าในนั้นมีปลาน่ะสิ!
ครั้นคิดถึงรสชาติของปลาย่าง น้ำลายก็พลันเอ่อล้น เยี่ยจื่อชิวจิตใจหวั่นไหวลงมือทำในทันใด ผูกห่อผ้าที่ใส่เสื้อผ้ามาไม่กี่ชุดไว้กับตัวอย่างแนบแน่น สายตาจดจ้องไปที่ยังผิวแม่น้ำซึ่งอยู่ห่างจากถนนหนึ่งจั้งห้าฉื่อ เงาคลื่นซัดสาด ความง่วงงุนถูกความดีใจพัดพาจนหายวับไปทันใด
เยี่ยจื่อชิวเท้าเอวแหงนหน้าหัวเราะกับท้องฟ้า ขอบคุณสวรรค์ที่รักและเมตตานาง จากนั้นก็กระโดดขึ้นไปบนราวจับอย่างสบายๆ กางแขนทั้งสองข้างหลับตาลง ส่งเสียงร้องพลางเอนตัวไปด้านหน้า
เยี่ยจื่อชิวซึ่งเข้ามายังโลกที่ไม่คุ้นเคยอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้กระโดดลงสู่แม่น้ำจับปลาเพียงเพื่อให้อิ่มท้อง ทว่าโม่เหยาซึ่งขับรถผ่านไปแล้วมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ผ่านกระจกมองหลังด้วยสายตาที่สื่อความหมายแตกต่างกันออกไป
หลังจากเสียงเบรกรถดังเสียดหู โม่เหยาก็ปลดเข็มขัดนิรภัยลงจากรถไปช่วยคน
เยี่ยจื่อชิวหาอยู่ในน้ำสักพักหนึ่ง พบว่าแม่น้ำลึกเท่ากับนางต่อตัวกันสามคนแต่ไม่เห็นปลาสักตัว นางสงสัยว่ามีคนกระโดดลงน้ำกลางดึกเหมือนอย่างนางเพื่อขโมยปลาไปกินทั้งหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นในแม่น้ำที่กว้างและลึกถึงเพียงนี้จะไม่มีปลาสักตัวได้อย่างไร
เยี่ยจื่อชิวว่ายน้ำเก่ง วรยุทธ์กลั้นลมหายใจก็ดีมากเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องโผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาสูดอากาศบ่อยๆ ในที่สุดนางก็จ้องมองปลาตัวใหญ่ที่สุดในจำนวนปลาไม่มากนั้น ไล่ตามหลังประชิดมัน จะจับได้หลายหนแต่ก็กลับทำให้มันหนีไปได้ เยี่ยจื่อชิวยิ่งล้มยิ่งกล้า นางยังคงตามจับปลาตัวนี้ ต่อให้ต้องไล่จับอยู่นานก็จะต้องคว้ามันมาใส่ท้องให้ได้
ตูม! เสียงของหนักหล่นลงในน้ำทำให้ปลาตื่นตระหนกสะบัดหางรุนแรงไม่กี่ทีก็หนีไปจากการลอบทำร้ายที่ตามประชิดหลังมา เยี่ยจื่อชิวไม่ท้อใจสักนิด ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วเพื่อสูดอากาศ จากนั้นก็ดำดิ่งลงไปในน้ำตามปลาไป เวลานี้ในสายตาของนางมีเพียง ‘อาหารรสเลิศ’ ที่หลีกหนีอยู่ไม่หยุดหย่อน กระทั่งมีคนว่ายน้ำเข้ามาหาด้วยความเร็วก็ไม่สังเกตเห็น เมื่อนางว่ายน้ำไปอย่างสุดแรงและกำลังจับหางปลาเอาไว้นั้น จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หนังศีรษะ มีคนใช้แรงดึงผมนางเอาไว้!
การเหนี่ยวรั้งนี้ทำให้ปลาว่ายหนีไปไกลอีกแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเยี่ยจื่อชิวเดือดดาลสักเพียงใด นางหันกลับไปอยากด่าทอแต่ลืมไปว่าตนเองอยู่ใต้น้ำ เพียงเปิดปากน้ำในแม่น้ำก็กรอกเข้าใส่ปากฉับพลัน สำลักจนกระทั่งเรี่ยวแรงจะสลัดให้หลุดก็ยังไม่มี
หากอ้างอิงถึงแต่ก่อน เยี่ยจื่อชิวไม่มีทางที่จะถูกคนดึงให้ว่ายขึ้นมาได้อย่างง่ายดายเป็นอันขาด แต่เวลานี้นางทั้งหิวและเหนื่อยล้า เมื่อครู่ก็เพิ่งจะสำลักน้ำไปหลายอึก เรี่ยวแรงซึ่งปกติมีสิบส่วนเวลานี้กระทั่งครึ่งหนึ่งก็ใช้ไม่ได้
เมื่อเป็นอย่างนี้เยี่ยจื่อชิวจึงไม่อาจสลัดให้หลุดจากชายที่คว้าผมนางเอาไว้ ไม่นานก็ถูกฉุดลากขึ้นมาบนฝั่ง