“แค่กๆ” เยี่ยจื่อชิวฟุบอยู่ข้างแม่น้ำกระแอมกระไออย่างที่แทบจะพ่นน้ำดีออกมา นึกถึง ‘เสบียงอาหาร’ ที่หนีไปแล้วก็เสียใจจนนวดคลึงหนังศีรษะที่ถูกคว้าจนเจ็บปวดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“อายุแค่นี้มีอะไรให้คิดไม่ตกกัน ก่อนฆ่าตัวตายได้คิดถึงครอบครัวเธอบ้างรึเปล่า!” เสียงต่อว่าของชายหนุ่มดังขึ้นที่ข้างหู
“ปลา…” เพราะว่าคนผู้นี้ทำเรื่องจนปลาในมือหนีหายไป เยี่ยจื่อชิวรู้สึกฉุนเฉียว นางปาดน้ำตา จ้องมองด้วยดวงตาแดงก่ำ กระโดดขึ้นโผเข้าหาชายหนุ่มที่กำลังมองนางอย่างไม่สบอารมณ์
สำหรับชาวบ้านธรรมดาเรื่องกินใหญ่เท่าฟ้า ‘ฟ้า’ ของนางได้ตกใจหนีไปเพราะคนตรงหน้านี้ นางไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันกับศัตรู เยี่ยจื่อชิวอดไม่ได้ที่จะระบายความแค้น พอกระโจนเข้าใส่ก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
ชายหนุ่มที่ไม่ทันได้ระวังตัวก็ถูกกระโจนใส่ล้มลงกับพื้น คิดไม่ถึงว่าหลังการช่วยเหลือคนจะได้รับการตอบกลับที่รุนแรงถึงเพียงนี้ คิ้วสวยยับย่นด้วยความรวดเร็ว ตวาดใส่เด็กสาวที่กดร่างของเขาอย่างแน่นหนา
“เป็นบ้าอะไร ออกไป!”
“เจ้าทำให้ปลาของข้าหนีไป คืนปลามาให้ข้า! เอ๊ะ เจ้า…เจ้าคือ…” เยี่ยจื่อชิวมือหนึ่งคว้าปกเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ อีกมือหนึ่งกำหมัดเตรียมจะชกให้เจ็บปวดสักยก ทว่าหลังจากเห็นใบหน้าของชายหนุ่มก็พลันใจลอยราวกับถูกสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน
ข้างทางมีไฟข้างถนน มีเพียงแสงอ่อนรำไรส่องมายังริมแม่น้ำ ทว่าเยี่ยจื่อชิวที่มองเห็นในความมืดสามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างออกไปเพียงหนึ่งกำหมัดได้อย่างชัดเจน นางยิ่งมองก็ยิ่งตื่นเต้น ชายหนุ่มชั่วร้ายในสายตาของนางเมื่อครู่ เวลานี้ได้เปลี่ยนแปลงไปในทันใดราวกับว่าร่างกายชุบด้วยแสงทองชั้นหนึ่ง
เยี่ยจื่อชิวคลายปกเสื้อของอีกฝ่าย มือทั้งสองสั่นเทาเนื่องจากความตื่นเต้น สิ่งใดเรียกว่า ‘ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย’ สิ่งใดเรียกว่า ‘ภูเขาหนาแน่นสายน้ำยอกย้อนดั่งไร้หนทาง ผ่านพ้นต้นหลิวพ้นไม้ดอกกลับพบหมู่บ้าน’ นางคิดว่าในเวลานี้ตนเองสามารถเข้าใจได้ดีเป็นที่สุด!
มือที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นกำลังจะสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่าย ทว่าจู่ๆ ก็ถูกปัดออกอย่างไร้เยื่อใย ทันใดนั้นรอยประทับสีแดงก็ปรากฏขึ้นในฉับพลันบนหลังมือขาวนวลของนาง
“ออกไป!” สายตาของชายหนุ่มฉายแววรังเกียจเดียดฉันท์ ออกแรงผลักคนที่ทับร่างเขาออกไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดเสื้อผ้าอย่างแรงคล้ายกับว่าบนตัวแปดเปื้อนด้วยพิษร้ายถึงแก่ชีวิตก็ไม่ปาน เขารู้สึกเสียใจในภายหลังที่ช่วยเหลือคนผู้นี้ที่เห็นหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคน ‘บ้าผู้ชาย’!
เยี่ยจื่อชิวซึ่งถูกผลักออกไปอีกฝั่งหนึ่งราวกับเป็นขยะไม่ได้โกรธเคืองเลยสักนิด หัวเราะแหะๆ พลางนวดท้ายทอยที่เจ็บจากการถูกผลักจนล้ม จากนั้นก็กระโดดลุกขึ้นโผเข้าหาชายหนุ่มที่กำลังจากไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้นางสำรวมเรี่ยวแรงไม่ได้ถลาเข้าใส่จนคนล้มลงกับพื้น ทว่าทั้งตัวคนคล้ายกับเนื้อหมูชิ้นหนึ่งที่แขวนอยู่บนแขนของเขา หัวเราะคล้ายกับคนโง่เง่าเต่าตุ่น
“ศิษย์พี่! ในที่สุดข้าก็หาท่านพบแล้ว!”
เยี่ยจื่อชิวกับ ‘ศิษย์พี่’ ที่นางตามหาด้วยความลำบากยากเข็ญฉุดกระชากกันไปตลอดทาง เธอผลักฉันดันไปตามถนนบนฝั่งที่เป็นเนินลาด
พวกเขาสองคนร่างกายเปียกโชก มิหนำซ้ำด้วยเพราะเคย ‘กลิ้ง’ อยู่ริมฝั่ง เสื้อผ้าจึงทั้งยับและสกปรก สภาพจนตรอกมากทีเดียว
คนที่ขับรถผ่านเห็นว่ามีคนกระโดดลงแม่น้ำก็ตื่นตกใจจนจะโทรแจ้งตำรวจในทันที ทว่าเนื่องจากมือถือแบตฯ หมดในเวลาสำคัญจึงแจ้งไม่สำเร็จ ขณะที่ร้อนใจอยู่นั้นก็เห็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งขึ้นฝั่งมาอย่างปลอดภัย ถึงได้วางใจแล้วจากไป
โม่เหยาถูกเหนี่ยวรั้งจนรำคาญ เขากล่าวอย่างอารมณ์เสีย “ดูละครทะลุมิติไร้ประโยชน์ให้มันน้อยๆ หน่อย เธอแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างนี้ขี้เหร่จะแย่!”
ถูกคนในดวงใจเมินเฉย เยี่ยจื่อชิวเหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก ก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าของตนเองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจพลางกล่าว
“ก็เสื้อผ้าเปียกแล้วน่ะสิ”
“ฉันไม่สน” โม่เหยาไม่อยากพัวพันกับเด็กสาวอีก เดินปรี่ไปยังรถคันโปรดด้วยความรวดเร็ว
ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว บนถนนก็ยิ่งเงียบสงัด ถนนอันกว้างใหญ่หลงเหลือเพียงพวกเขาสองคน
โม่เหยารู้สึกว่าตนเองเป็นบ้าแล้วถึงได้เสี่ยงเป็นหวัดกระโดดลงแม่น้ำไปช่วยคนกลางดึก ผลลัพธ์กลับช่วยเหลือคนที่ยุ่งยากขึ้นมาเสียได้! เขานวดหว่างคิ้วที่คอยเต้นตุบๆ อยู่ตลอดเวลา สูดลมหายใจอยู่หลายเฮือก สงบความเดือดดาลที่พุ่งทะยาน ใช้น้ำเสียงของพี่ชายข้างบ้านที่แสนดีกล่าวกับอีกฝ่าย