With Love
ทดลองอ่าน ร้อยพันหมื่นปีขอมีแค่เธอ บทที่ 2
พอโม่เหยาได้นอนก็หลับลึกมาก เขาตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว หลังตื่นนอนเขาก็ไปล้างหน้าในห้องน้ำ ขณะที่กำลังแปรงฟันจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาพาใครคนหนึ่งกลับมาด้วย
ภายในห้องเงียบเชียบอย่างน่าประหลาด อย่างกับว่านอกจากตัวเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่อย่างไรอย่างนั้น โม่เหยาบ้วนปากสองสามครั้งก็หยิบผ้าขนหนูขึ้นเช็ดหน้าแล้วเปิดประตูออกไป
ห้องนั่งเล่นไม่มีคนอยู่ เขาจึงเดินไปที่ห้องนอนของเยี่ยจื่อชิวแล้วพบว่าประตูเปิดแง้มอยู่
เขาผลักเปิดประตูเบาๆ มองเข้าไปข้างในก็เห็นเด็กสาวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ฝ่ามือทั้งสองข้างประกบเข้าหากัน ดวงตาทั้งสองข้างปิดอยู่ ทั้งร่างกายคนแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว
โม่เหยามองแวบหนึ่งก็ถอยออกไป รู้ว่าเธอมีกำลังภายใน เรื่องนั่งสมาธิฝึกลมปราณเขาเองก็ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจแล้ว
อากาศค่อนข้างอึมครึม ดวงอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นเมฆ แสงในห้องค่อนข้างมืดทึม
ตอนที่เข้าไปในห้องครัว โม่เหยากดสวิตช์บนผนัง ผลลัพธ์คือไฟไม่ติด
“เอ๊ะ” เขาลองกดเปิดอีกครั้งก็ยังไม่ติด
“ศิษย์พี่ ท่านตื่นแล้วหรือ” เยี่ยจื่อชิวที่นั่งสมาธิเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้อง เห็นว่าโม่เหยาตื่นแล้วก็เดินเข้ามาทักทายด้วยความดีใจ
“อืม” เห็นเด็กสาวออกมาแล้ว โม่เหยาก็อยากเปิดไฟในห้องรับแขกด้วย ใครจะรู้ว่ากดสวิตช์ไปผลลัพธ์คือไฟก็ไม่ติดอีก
“ไฟดับงั้นเหรอ เมื่อกี้ยังมีไฟอยู่เลยนี่” โม่เหยากลับไปดูที่ห้องนอนด้วยความสงสัย ตอนที่เขาออกมาไฟห้องน้ำยังไม่ได้ปิด เวลานี้ยังสว่างอยู่ “ไม่ได้ไฟดับ แล้วทำไมไฟในห้องรับแขกกับห้องครัวถึงเปิดไม่ติดล่ะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วเดินออกมาจากห้อง
เยี่ยจื่อชิวที่ตามโม่เหยามาโดยตลอดได้ฟังก็ใจฝ่อในทันใด หลบๆ เลี่ยงๆ ไม่กล้ามองเขา ฝีเท้าขยับไปยังห้องของตนเองอย่างช้าๆ
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!” โม่เหยาหรี่ตาทั้งสองข้างลง หันหน้าไปจดจ้องคนที่ดวงตากลอกกลิ้งไปมา เห็นได้ชัดว่าคิดจะหลบหนี เขากอดอกพลางยิ้มเย็น “อธิบายให้ฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้นกับไฟพวกนี้”
เมื่อเห็นว่าหนีไม่พ้น เยี่ยจื่อชิวจึงยึดหลักการอันยิ่งใหญ่สารภาพเพื่อให้โทษหนักกลายเป็นเบา นางหยุดฝีเท้าแล้วเกาหู หัวเราะแหะๆ พลางกล่าวอย่างรู้สึกผิด
“ตอนกลางคืนเห็นศิษย์พี่กดบนสิ่งเล็กๆ เหล่านี้ห้องก็สว่างขึ้น เยี่ยจื่อรู้สึกว่าแปลกประหลาด ดังนั้นพอตื่นเช้ามาจึงอยากกดบ้างเพื่อศึกษามันอย่างเต็มที่ สิ่งนี้ช่างน่าสนุกเสียจริง กดลงไปห้องก็สว่างขึ้น กดลงไปอีกทีห้องก็มืดลง เดิมก็กดอยู่ดีๆ ใครจะรู้ว่ากดไปกดมาก็…”
“ก็คือเธอเอาสวิตช์พวกนี้มาเป็นของเล่น!” โม่เหยานวดหว่างคิ้ว บอกตัวเองว่าจะต้องสงบจิตใจ เพิ่งตื่นนอนมาจะโมโหไม่ได้ ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและจิตใจ
“เยี่ยจื่อไม่รู้ว่ากดไปหลายครั้งแล้วจะใช้ไม่ได้นี่นา” เยี่ยจื่อชิวใจฝ่อจนไม่กล้าเงยหน้า ก็เพราะว่าสนุกจนเกินไป อัศจรรย์ใจจนเกินไป นางจึงไม่ได้ควบคุมมือตนเองไปครู่หนึ่ง…
“กดเสียไปกี่อัน” โม่เหยารู้สึกว่าการพาเด็กสาวคนนี้มาเลี้ยงดูที่บ้านเป็นการท้าทายต่อความอดทนสุขุมเยือกเย็นของเขาอย่างเป็นประวัติการณ์แน่นอน
“เสีย…เสียทั้งหมดเลย” เยี่ยจื่อชิวชี้นิ้วออกไป นอกจากห้องนอนของโม่เหยาแล้ว ห้องที่มีไฟทั้งหมดล้วนถูกชี้ สุดท้ายเมื่อรู้ว่าสถานการณ์ท่าไม่ดี นางก็ปลีกตัวไปซ่อนอยู่ในห้องล็อกประตูในทันที ส่วนวิธีการล็อกนางเพิ่งจะศึกษาเข้าใจในตอนเช้า
“เสีย…ทั้งหมดเลยเหรอ…” โม่เหยาสีหน้าดำทะมึน เขาจ้องมองไปยังประตูห้องนอนที่เยี่ยจื่อชิวซ่อนตัวอยู่ ก่อนจะไปที่ห้องน้ำ โถงทางเข้า แล้วก็ห้องพักแขกอีกห้องเพื่อตรวจเช็กรอบหนึ่ง ไฟทั้งหมดเปิดไม่ติดโดยไม่มีข้อยกเว้น
คนใจบุญแทบจะเป็นบ้าแล้ว โม่เหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อดกลั้นจนแทบจะบาดเจ็บภายใน ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึง ยืนอยู่ในห้องรับแขกที่มีแสงสลัวเพราะว่าท้องฟ้ามืดครึ้ม จ้องมองหลอดไฟที่ถูกเยี่ยจื่อชิว ‘เล่น’ พังด้วยความฉุนเฉียว
“สวรรค์ส่งเธอมาให้กลั่นแกล้งฉันสินะ!”
ตอนที่โม่เหยายังไม่ตื่น เยี่ยจื่อชิวหยิบขนมปังในตู้เย็นออกมากินใส่ท้องคลายหิว คราวนี้ไม่ต้องให้โม่เหยาช่วยเหลือ นางก็เปิดหีบห่อด้านนอกของขนมปังได้แล้ว
ในตู้เย็นมีสิ่งของอยู่เต็มไปหมด ทั้งหมดล้วนเป็นของสำหรับกินดื่ม เพราะว่าส่วนใหญ่เป็นของที่นางไม่เคยเห็นจึงไม่กล้าเอาออกมาตามใจชอบ
ตอนเช้ากินขนมปังถุงเล็กไปถุงเดียว ผ่านเที่ยงวันไปแล้วเยี่ยจื่อชิวที่ยังไม่ได้กินมื้อกลางวันจึงหิวมาก พอได้ยินเสียงเปิดปิดเตาภายในครัวก็เดินไปเดินมาด้วยใจที่ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง รอจนได้ยินเสียงยกอาหารขึ้นโต๊ะ นางก็รู้สึกอยากกินจนทุกข์ทรมานเหลือเกิน
นางแง้มประตูออกเป็นช่องเล็กๆ อย่างช้าๆ ยื่นศีรษะออกมาชะเง้อคอมองดูที่โต๊ะกินข้าว โม่เหยานั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวคนเดียว กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยท่าทีสง่างาม หลงลืมการมีตัวตนของนางไปแล้ว
เยี่ยจื่อชิวกัดฟันกรอด ต่อว่าศิษย์พี่ว่าเป็นคนใจแคบที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอยู่แต่กับเธอ
ด้วยทนความเย้ายวนไม่ไหว เยี่ยจื่อชิวจึงมายังห้องอาหารเงียบๆ ครั้นเห็นว่าเปลือกตาของโม่เหยาไม่ได้เลิกขึ้นสักนิดก็กัดริมฝีปากเดินหน้าทนไปยังข้างโต๊ะ หาเรื่องกล่าวขึ้น
“ศิษย์พี่ ท่านกินข้าวหรือ อร่อยหรือไม่”
มื้อเที่ยงโม่เหยาทำอาหารอย่างเรียบง่าย มีเพียงมะเขือเทศผัดไข่กับผัดมะเขือ แล้วก็ข้าวสวย
อยู่ในบ้านโม่เหยาสวมใส่เสื้อสบายๆ เสื้อนอนกางเกงนอนสีกากีทั้งตัว เนื่องจากรูปร่างมาตรฐานของเขาทำให้สวมใส่อะไรก็ดูดีไปหมด เสื้อผ้าธรรมดาพออยู่บนร่างกายเขาให้ความรู้สึกหรูหราสง่างามขึ้นมาทันตา
Comments
