With Love
ทดลองอ่าน ร้อยพันหมื่นปีขอมีแค่เธอ บทที่ 2
เยี่ยจื่อชิวลอบชื่นชมศิษย์พี่ที่ดูสุภาพอ่อนโยนเวลาที่เขาไม่โกรธ คิ้วของเขาดำเข้มและหนาราวกับถูกย้อมด้วยหมึกชั้นดี ขนตาของเขาหนามากและยาวมาก เมื่อดวงตาหลุบมองลงด้านล่างหรือว่าหลับตาลง ขนตาจะคล้ายกับแปรงสองอันที่ปิดบังดวงตาเอาไว้ สันจมูกสูงตรง ปาก…
“มองพอหรือยัง” โม่เหยากวาดตาแข็งกระด้างมองเด็กสาวที่จ้องเขาอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อได้ยินดังนั้นเยี่ยจื่อชิวก็สะดุ้งเฮือก และเห็นว่าใบหน้าของตนอยู่ใกล้ใบหน้าหล่อเหลาเพียงหนึ่งฝ่ามือก็รู้สึกเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ รีบยืนยืดตัวตรง
น่าขายหน้ายิ่งนัก! เหตุใดมองไปมองมาถึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ได้ล่ะ ถ้าหากศิษย์พี่ไม่ส่งเสียงออกมาเสียก่อน เกรงว่าจะแนบใบหน้าลงไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว…
นางกระแอมด้วยความกระอักกระอ่วน ก่อนจะก้มหน้าลงมองอาหารพลางกล่าวด้วยท่าทีกระบิดกระบวน
“เมื่อครู่นี้บนหน้าศิษย์พี่มีแมลง…แมลงตัวเล็กๆ พอเยี่ยจื่อขยับเข้าไปใกล้ มัน…มันก็บินไปแล้วน่ะเจ้าค่ะ…”
เยี่ยจื่อชิวอธิบายอย่างไม่ได้เรื่องได้ราว มุมปากของโม่เหยากระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ ด้วยท่าทีราวกับไม่พอใจ
แย่แล้ว เอาแต่มองดูหนุ่มรูปงาม อาหารใกล้จะถูกกินหมดแล้ว! เยี่ยจื่อชิวร้อนใจใหญ่ ลากเก้าอี้มานั่งลง คิดจะแย่งจานไป
“ห้ามแตะต้อง” โม่เหยามองเด็กสาวเป็นการตักเตือน ใช้ตะเกียบชี้ไปยังอาหารทั้งสองจาน “อาหารเป็นของฉันคนเดียว ไม่ได้ทำส่วนของเธอ”
“ศิษย์พี่ ท่านยากจนกระทั่งเลี้ยงดูว่าที่ภรรยาไม่ได้เชียวหรือ” เยี่ยจื่อชิวถูกโจมตีอย่างรุนแรง นึกไม่ถึงว่าศิษย์พี่จะใจดำอำมหิตกับนาง
“ไม่ต้องมาเล่นละคร!” โม่เหยากลอกตาใส่อีกฝ่าย ชี้ไปยังหลอดไฟที่เสียเหนือศีรษะแล้วกล่าวสั่งสอน “ทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด แล้วก็สัญญาด้วยว่าต่อไปจะไม่ทำผิดอีกถึงจะเป็นเด็กดี! ดูซิว่าเธอทำยังไง”
เยี่ยจื่อชิวใจฝ่อไม่กล้ามองชายหนุ่ม จ้องอาหารสองจานที่ได้แต่มองทว่าไม่อาจกินได้อย่างขุ่นเคืองพลางบ่นพึมพำ “เยี่ยจื่อรู้ที่ไหนกัน…”
“ยังกล้ามาพูดอีก!” โม่เหยาวางตะเกียบลง มองดูเด็กสาวที่ยังคงไม่หยุดหาข้ออ้างให้ตนเองอย่างเอาจริงเอาจัง “กดไฟเสียหนึ่งดวงเธอไม่รู้ ไฟสองดวงเสียแล้วเธอก็ยังไม่รู้ รอจนดวงที่สามที่สี่ตอนที่เธอเล่นจนเสียเพราะวิธีเดิมๆ เธอกล้าพูดว่าเธอไม่รู้งั้นเหรอ อีกอย่างเช้าวันเดียวเธอก็ทำเสียไปทั้งหมดแปดดวง แปดดวง!”
เยี่ยจื่อชิวก้มหน้าต่ำลงอีก นางเป็นฝ่ายผิด ไม่กล้าโต้เถียงอีกแล้ว
“ไฟแปดดวงเป็นเงินเท่าไหร่ยังไม่พูดถึง ฉันจะต้องเสียเวลาเท่าไหร่ในการซื้อหลอดไฟมาติดตั้ง! ในบ้านมีเครื่องใช้ไฟฟ้าตั้งมากมาย ถ้าหากถูกเธอเล่นพังเพราะว่า ‘ไม่รู้’ ไปทีละชิ้นๆ ขายเธอออกไปก็ยังชดใช้ไม่หมดเลย!” โม่เหยาคลายอารมณ์ฉุนเฉียวลง มองคนที่จวนจะทำตัวเป็นนกกระจอกเทศ* พลางกล่าวตักเตือนอย่างจริงจัง “ครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่มีครั้งต่อไปอีก! ถ้าฉันเห็นว่าเธอทำของในบ้านนี้พังอีกล่ะก็! เธอก็เอาลูกเต๋าหยกน้ำแข็งมาค้ำประกันแล้วกัน!”
เยี่ยจื่อชิวที่ถูกติเตียนจนเริ่มคิดทบทวนด้วยตัวเองได้ยินประโยคสุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นในทันใด เอ่ยต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมจำนนแม้แต่น้อย
“พูดไปพูดมาท่านก็แค่หมายปองลูกเต๋าหยกน้ำแข็ง! หึๆ ของสิ่งนี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ศิษย์พี่ท่านล้มเลิกความคิดนี้เสียเถอะ!”
“ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!”
“ท่านเจ้าชู้ประตูดิน หลายใจ!”
โม่เหยาทั้งโกรธทั้งรู้สึกขบขัน “ถามหน่อย สรุปเธอได้มาจากที่ไหนไม่ทราบ”
เยี่ยจื่อชิวปิดสมบัติที่คล้องอยู่ตรงลำคอพลางกล่าวตอบด้วยสีหน้าเปี่ยมไปด้วยการกล่าวหา “คิดหาทุกวิถีทางเพื่อนำของหมั้นหมายนี้กลับไป มิใช่ว่าเพื่อหญิงอื่นหรอกหรือ เลือดเย็นแล้งน้ำใจ ทรยศหักหลัง ฮึ!”
โม่เหยาเพิ่งจะอ้าปากโต้แย้ง จู่ๆ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาจ้องมองเด็กสาวอย่างดุเดือดแวบหนึ่งแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเพื่อรับสาย
“ฮัลโหล…ฉันกำลังกินข้าว…วันนี้ไม่ได้ อีกเดี๋ยวจะออกไปซื้อหลอดไฟ กว่าจะติดตั้งเสร็จก็สายมากแล้ว…ไม่ใช่ไฟดวงเดียว เป็นไฟแปดดวง…อย่าไปพูดถึงเลย ฉันถูกทำให้ลำบากแทบบ้าแล้ว…พี่จะเลือกของนำเข้าส่งมาให้สองสามอันเหรอ ไม่ต้อง คราวนี้ผมจะเปลี่ยนไปใช้ที่คุณภาพรองลงมาหน่อยแบบเดียวให้หมด!” โม่เหยากล่าวจบก็วางสายแล้วยัดโทรศัพท์มือถือกลับลงไปในกระเป๋าเสื้อ
สมาธิของเยี่ยจื่อชิวถูกโทรศัพท์มือถือที่โม่เหยาเก็บไว้เป็นอย่างดีดึงดูดไปแล้ว นางวางเรื่องทะเลาะออกไปก่อนแล้วถามด้วยความประหลาดใจ
“ศิษย์พี่ สิ่งที่ท่านหยิบออกมาเมื่อครู่นี้คือสิ่งใด ภายในมีคนพูดอยู่ด้วย เป็นเครื่องส่งเสียงพันหลี่หรือ”
โม่เหยามองเด็กสาวอย่างตั้งใจ ความประหลาดใจของเธอไม่เหมือนการเสแสร้ง ตั้งแต่รู้จักกันมาเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นไม่น้อย ทุกๆ เรื่องราวต่างสะท้อนให้เห็นถึงความ ‘ไม่เหมือนใคร’ ของเธอ
เป็นวิทยายุทธ์ มีกำลังภายใน คล้ายว่าจะไม่รู้จักทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่ เอาแต่เอ่ยปากว่าตนเองเป็นคนราชวงศ์ตี้ เรียกลิฟต์ว่ากลไก ความรู้เรื่องเงินของเธอจำกัดอยู่ที่เงินตำลึงกับเหรียญทองแดง…
แต่ละอย่างส่อเค้าให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กสาวคนนี้ไม่น่าจะเป็นคนบนโลกนี้ ประวัติศาสตร์จีนไม่มีราชวงศ์ตี้ น่าจะมาจากยุคโบราณในห้วงเวลาอื่น ถึงโม่เหยาจะพบว่าเรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไป และอยากพูดกล่อมตัวเองว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ แต่ว่าเธอเล่นละครก็เล่นถึงขนาดใช้วิชาตัวเบาและกำลังภายในได้ นักแสดงที่ ‘ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่’ ถึงระดับนี้ดูเหมือนจะยิ่งไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้
“พวกเราอยู่ในประเทศจีนในปีคริสต์ศักราชที่สองพันสิบสอง ไม่มีราชวงศ์ตี้ที่เธอพูดถึง สิ่งที่เธอคิดว่าเป็น ‘กล่องเหล็ก’ เรียกว่ารถยนต์ เป็นยานพาหนะแทนการเดินเท้าที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง ‘กลไก’ ที่สามารถขึ้นลงได้เรียกว่าลิฟต์ และพวกเราก็ใช้ธนบัตรหรือรูดบัตรเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆ ของอย่างพวกเงินตำลึง เหรียญทองแดงนั่นไม่ได้ใช้กันมาหลายร้อยปีแล้ว สรุปก็คือสิ่งที่เธอพูดว่าเป็นของแปลกประหลาด สำหรับพวกเราที่นี่ถือว่าเป็นของที่พบเห็นได้ทั่วไปมาก…” โม่เหยาเผยแพร่ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ให้กับเด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง อยากให้เธอเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วเธอมายังสถานที่ใด
“ศิษย์พี่ ท่านกำลังพูดอะไร” เยี่ยจื่อชิวเห็นสีหน้าจริงจังของชายหนุ่ม ในใจก็หวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากให้เขาพูดต่อไปอย่างกับว่าเป็นลางบอกเหตุ เห็นได้ชัดว่าอยากหลีกเลี่ยงอะไร นางพลันรีบร้อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินโซซัดโซเซกลับไปที่ห้อง
Comments
