ซย่าชิงยวนฝืนยันตนเองขึ้น เกาะกำแพงเดินไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็มีมือสองข้างยื่นออกมาจากด้านหลังประคองแขนนางไว้ นางคว้ามือนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวและมองไปข้างหลัง ก็เห็นใบหน้าที่เหมือนจะรู้จักมักคุ้น สวมชุดดำทั้งตัวกับดาบประจำตัวที่สลักลายมังกรมัจฉา
“ท่านเองหรือ”
“เจ้าถูกคนปองร้ายแล้ว” เสียงของเขาแผ่วต่ำ ดังอยู่ที่ข้างหูนางนี่เอง
ซย่าชิงยวนที่ตอนนี้สติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัดเมื่อได้ยินก็รู้สึกเหมือนว่าเสียงของเขาดังขึ้นเป็นสิบเท่า
“ในธูปนั่นมีพิษ”
“ข้ารู้” ซย่าชิงยวนกัดฟันพยักหน้า
“ให้ข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่” เขาถามต่อ มือยังคงแตะเพียงแขนของนาง ไม่ให้นางล้มลงไป
“ช่วยหรือ” นางมองขึ้นมาด้วยสายตาว่างเปล่า สบกับดวงตาดำขลับของเขา “ช่วยอย่างไร”
เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ สถานการณ์ในตอนนี้พูดอะไรออกไปก็มีแต่จะยิ่งมีพิรุธ จึงได้แต่พยุงแขนจัดให้นางพิงกำแพง ใช้แขนยันนางไว้ให้มั่น รักษาระยะห่างไม่ให้ใกล้ชิดกันเกินไป
“ท่านช่วยข้าไม่ได้ วันนี้ถ้าข้าไม่ตายที่นี่ วันพรุ่งก็ต้องตายใต้เงื้อมมือผู้อื่น” นางยิ้มโรยแรง ดวงตาทอประกายวาววามจากการฝืนทน งามจนทำให้คนตะลึง แต่กลับไร้ซึ่งความหวัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันพรุ่ง…ไม่ใช่ว่าเจ้าจะต้องแต่งให้คุณชายลู่หรอกหรือ”
“ลู่หย่วนน่ะหรือ เขา…เขากับข้า…มีความแค้นระหว่างตระกูล” พิษออกฤทธิ์แรงขึ้นเรื่อยๆ ตานางหรี่ลงเรื่อยๆ จนแทบจะปิด
เขายิ่งขมวดคิ้วเป็นร่องลึกและเขย่าไหล่นาง “ห้ามหลับ”
นางพยายามลืมตา ลมหายใจอ่อนรวยริน แต่ก็ยังใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักเขา “รีบไป พวกเขาก่อเหตุไม่เลือกวิธีการ ถ้าท่านถูกพบเห็นเกรงว่าคงไม่อาจรอดชีวิต”
ยามที่เอ่ยจบเปลือกตาของนางก็ปิดลง หมดสติไป
ไกลออกไปมีเสียงร้องตามหาคนดังเซ็งแซ่
ลู่หย่วนขบกรามแน่น อยากพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก ขอบตาแดงก่ำ ได้แต่กำหมัดทุบกำแพง
“ซย่าชิงยวน ห้าปีที่ข้าไม่อยู่นี่ เจ้าอยู่มาได้อย่างไร”
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ สีหน้าเขาหมองคล้ำกว่าเดิม เขาอุ้มนางขึ้นมาแล้วหลบเข้าไปในห้องนั่งกรรมฐานที่อยู่ใกล้ที่สุดห้องหนึ่ง ในห้องนั่งกรรมฐานมีฉากกันลมบานใหญ่ที่สามารถซ่อนคนได้สองคนพอดี
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาแล้ว ตามด้วยเสียงประตูถูกผลักออก เคราะห์ดีที่คนเหล่านั้นเพียงกวาดตามองไม่กี่ครา เมื่อเห็นว่าไม่มีคนก็ปิดประตู รอให้เสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไปเขาก็ถอนหายใจในความมืด แต่แล้วยังถอนใจไม่ทันเสร็จก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน เพราะว่าซย่าชิงยวนกำลังเงยหน้าขึ้น ใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นเล็กเรียวไล้ไปตามลูกกระเดือกของเขา
ลู่หย่วนก้มลงจ้องนางเขม็ง กลับพบว่าดวงตานางโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวและส่งยิ้มให้เขา ดูออกว่าฤทธิ์ยานางในตอนนี้ไม่เพียงไม่ทุเลา แต่ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สองมือที่แต่เดิมเคยว่านอนสอนง่ายลูบคลำที่เอวเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้ ทั้งยังลูบไล้จากเอวขึ้นมาข้างบน ดูแล้วปกตินางคงจะดูภาพวังวสันต์มาไม่ใช่น้อยๆ ลูกกระเดือกเขาขยับ ในใจหัวเราะเยาะนาง แต่ทันใดนั้นก็แทบจะขบรากฟันตนเองหัก