2
“คนผู้นี้…ข้ากลับไม่เคยได้ยินมาก่อน ขอเรียนถาม คนผู้นี้มีการคบหากับท่านอย่างไร” เถ้าแก่อดมองมือที่กำลังถือจอกสุราของอาคันตุกะผู้นั้นไม่ได้
มือนั้นใหญ่และดูมีพลัง บริเวณง่ามนิ้วกับนิ้วกลางมีรอยด้าน เป็นมือที่คุ้นเคยกับการจับดาบ ทั้งยังสวมแหวนน้าวหยก ไม่ถามก็พอดูรู้ว่ามีค่าควรเมือง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงชุดคลุมหนังจิ้งจอกดำที่เขาสวมอยู่บนตัว
“บิดาของคนผู้นี้เป็นสหายเก่าแก่ของข้า เขาก่อความผิดสถานหนัก ทั้งตระกูลโดนร่างแหให้อพยพไปสามพันหลี่ สถานที่ลงหลักปักฐานเป็นแห่งสุดท้ายคือตำบลค่งหม่า”
“ขอเรียนถาม สหายเก่าแก่ผู้นั้นของท่านคือ…”
นักเดินทางวางจอกสุราลงช้าๆ มองดูเงาสะท้อนพร่าเลือนของตนเองในจอก สะเก็ดไฟข้างเตาลั่นดังเปรี๊ยะ เขาเอ่ยเสียงขรึมขึ้นว่า “เคยเป็นผู้นำสี่เสาหลักแคว้นของราชวงศ์ต้าลี่ แม่ทัพสูงสุด เจิ้นกั๋วกง ลู่ถิงยวน”
เตาไฟส่งเสียงดังอีกครั้ง เถ้าแก่ล้วงทองก้อนออกมาจากในอกเสื้อ วางลงบนโต๊ะช้าๆ คืนให้นักเดินทาง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง ทำความเคารพอย่างทหารให้อีกฝ่าย “ในเมื่อเป็นสหายเก่าของแม่ทัพลู่ ทองก้อนนี้ข้าย่อมรับไว้ไม่ได้”
“อ้อ?” อาคันตุกะเงยหน้าขึ้นมองเถ้าแก่อย่างสนใจ “ท่านก็เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของลู่ถิงยวนหรือ”
“ท่านล้อเล่นแล้ว ทุกคนล้วนทราบว่าหลังเจิ้นกั๋วกงสิ้น ก็ไม่มีนักรบอาชาพยัคฆ์เผ่นอีกต่อไป” ใต้แสงไฟ แผ่นหลังและเอวของเถ้าแก่เหยียดตรง สีหน้าแววตาสุขุมราวกับเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับท่าทีก้มหน้านบนอบก่อนหน้านี้ “ข้าเพียงแค่โชคดี ได้เห็นสง่าราศีของเจิ้นกั๋วกงในสงครามครั้งหนึ่งที่เขาหลางหยาเมื่อสิบแปดปีก่อน”
คนชุดดำดื่มสุราคำหนึ่ง “เช่นนั้นท่านลองเล่ามาว่าเจิ้นกั๋วกงเมื่อสิบแปดปีก่อนมีสง่าราศีปานใด”
นัยน์ตาของเถ้าแก่ทอประกายสว่างวาบขึ้นทันที ราวกับอายุลดลงหลายปี “หิมะในปีนั้นยังมากกว่าวันนี้เสียอีก! ตอนนั้นข้ายังสูงไม่เท่าล้อรถม้าก็ตามบิดาข้าไปเป็นกองหนุนฉุกเฉินที่เขาหลางหยา ได้เห็นกับตาว่าแม่ทัพลู่ยืนอยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าวก็สามารถยิงธงของค่ายกระโจมเหนือร่วงได้! ศึกครั้งนั้นต้าลี่เราคว้าชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ สู้ศึกหนำใจยิ่ง! ในตอนนั้นนอกจากแม่ทัพลู่ยังมี…”
“ยังมีอะไร” อาคันตุกะจ้องมองเขาจากใต้หมวกคลุม
“ยังมี…ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน อดีตฮองเฮา กับเสาหลักแคว้นอีกสองท่าน ท่านหนึ่งในเวลานี้คือพระเก้าพันปี อีกท่านหนึ่งคือขุนนางต้องโทษซย่าเยี่ยน” เสียงของเถ้าแก่ลดต่ำลง ก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
“ไยท่านถอนหายใจเล่า” อาคันตุกะซัก
“เสียดาย”
“เสียดายอะไร”
“ได้ยินว่าเมื่อครั้งที่สี่เสาหลักแคว้นยังอยู่ก็ช่วยฮ่องเต้ต้าลี่รบพุ่งเหนือใต้ ยึดหนานเจียง ปราบโม่เป่ย กินเวลาเป็นสิบกว่าปี พอใต้หล้าเริ่มสงบ แม้แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมเล็กๆ อย่างข้าก็อาศัยโอกาสที่ชายแดนสุขสงบสร้างกิจการขึ้นมาได้ เสียดายที่ห้าปีก่อน…”
“ห้าปีก่อนทำไมหรือ”
“เหตุวุ่นวายในวังหลวงเมื่อห้าปีก่อน ได้ยินว่าฮ่องเต้ถูกขุนนางชั่วล่อลวง สั่งประหารแม่ทัพลู่กับใต้เท้าซย่าเยี่ยนตายตามกัน อดีตฮองเฮาก็สวรรคตในการศึกครั้งหนึ่งที่เขาหลางหยา หลังจากนั้นฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่ใส่ใจราชกิจ เรื่องใหญ่ในราชสำนักล้วนให้พระเก้าพันปีตัดสินใจ ทุกวันนี้คนของพระเก้าพันปีแทรกซึมทั่วราชสำนัก เกรงว่าต้าลี่…คงจะร่มเย็นเป็นสุขได้อีกไม่นานแล้ว” เถ้าแก่จิบสุราคำหนึ่งทันใด แล้วถอนหายใจหนักหน่วงอีกครา รอยแผลเป็นบนใบหน้ายิ่งดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
“ในเมื่อคนของพระเก้าพันปีแทรกซึมไปทั่วราชสำนัก เถ้าแก่ไม่กลัวว่าข้าจะเป็นสายของคนแซ่หานหรือ”
“จะกลัวอันใด! ชีวิตนี้ข้าเคยพบพานวีรชน แล้วก็เคยเป็นวีรชน เสียตาข้างหนึ่งกับขาข้างหนึ่งในสนามรบ สุราฤทธิ์แรงของโม่เป่ยก็ดื่มมาหลายปีแล้ว ย่อมไม่เกรงกลัวความเป็นตายแต่แรก ข้าแค่จะบอกว่าข้าเสียดายแทนวีรชนทั้งสามที่ตายไป!”
อาคันตุกะนั่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ราวกับยอดเขาสูงดำทมิฬ ทอดเงาทะมึนท่ามกลางแสงเทียน
“เช่นนี้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ไม่แยกแยะดีชั่วต่างหากถึงจะเป็นผู้ก่อความผิดที่แท้จริง”
เถ้าแก่เงียบไปทันใด ลังเลชั่วครู่แล้วก็ยิ้มออกมา ส่ายหน้าพลางนั่งลง “เมื่อครู่นี้ข้าเลอะเลือนไป ขอท่านอย่าได้ถือสา เพียงแค่นึกถึงข่าวลือเก่าๆ ที่ไขข้อสงสัยว่าเหตุการณ์วุ่นวายในทุกวันนี้มีที่มาอย่างไร แม้จะเหลวไหลทั้งเพ แต่ฟังเอาสนุกก็พอได้”
อาคันตุกะทำมือบ่งบอกให้เล่ามา เถ้าแก่ก็นั่งลงตรงข้ามเขา ลดเสียงลงแสร้งทำทีมีเลศนัยเอ่ยปาก “ได้ข่าวว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนตอนที่ใต้หล้าขัดแย้งกัน ที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเริ่มจากการเป็นสามัญชน รวบรวมทหารออกรบพุ่งเหนือใต้ รวมใต้หล้าเป็นปึกแผ่นได้ เพราะในมือมีของวิเศษอยู่ห้าอย่าง”
“อะไรบ้างหรือ”
“ของวิเศษห้าอย่างนั้นเล่าขานกันว่าตกทอดลงมาสู่โลกมนุษย์ตั้งแต่ครั้งที่ฟ้าดินแยกออกจากกัน ปรากฏขึ้นต่อผู้ชอบธรรมและเร้นหายไปต่อผู้มิชอบธรรม อย่างแรกคือดาบสะบั้นเศียรมังกร ว่ากันว่านั่นคือของที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันชิงมาจากมือของข่านกระโจมเหนือในศึกที่เขาหลางหยา หลอมขึ้นจากหินเหล็กจากสวรรค์ สามารถสะบั้นเศียรมังกรได้ ภายหลังฮ่องเต้ใช้ดาบนี้สังหารแม่ทัพลู่กับเสนาบดีฝ่ายขวา แล้วตรัสว่ามันเป็นดาบปีศาจจึงโยนเข้าท้องพระคลังไป