ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2
อย่างที่สองคือนักรบอาชาพยัคฆ์เผ่น ลือกันว่านักรบบนหลังม้าผู้นี้มาจากแดนหนานเจียง หาญกล้าอย่างยิ่ง ชุดเกราะทำจากแร่เงินอ่อน ลักษณะคล้ายเกล็ดปลา ฟันแทงไม่เข้า เดิมเป็นผู้ติดตามของเจิ้นกั๋วกง ภายหลังเขาเปลี่ยนไปสวามิภักดิ์ฮ่องเต้
อย่างที่สามคือดวงตาจิตรกรรม ว่ากันว่าคนที่มีดวงตานี้แต่กำเนิดสามารถพรรณนาขุนเขาลำน้ำภูมิประเทศและขุมทองเหมืองแร่ ชนิดที่ผ่านตาไม่ลืมเลือน รายละเอียดน้อยใหญ่ไม่ตกหล่น ได้ยินว่าซย่าเยี่ยนเสนาบดีฝ่ายขวาก็คือคนที่มี ‘ดวงตาจิตรกรรม’ แต่กำเนิด
อย่างที่สี่คือองครักษ์อวี่หลิง เล่ากันว่าหน่วยนี้ถูกก่อตั้งโดยนักบวชจากภูเขาที่แตกฉานศาสตร์แห่งอินหยางและวิชาการลงทัณฑ์อาญา คนที่เข้าหน่วยองครักษ์อวี่หลิงล้วนเชี่ยวชาญการสังหารคนโดยไร้ร่องรอย
ส่วนอย่างสุดท้ายคือ…ภาพวาดนทีคัมภีร์ธารา”
“ภาพวาดนทีคัมภีร์ธาราหรือ” อาคันตุกะวางจอกสุราลง ค่อยๆ สอดมือเข้าไปในชุดคลุม
“ภาพวาดจากผืนนที คัมภีร์จากลำธาร เมื่อภาพวาดนทีคัมภีร์ธาราปรากฏ ใต้หล้าก็จะสงบสุข ไม่มีใครเคยเห็นว่าของสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ รู้แค่ว่าเมื่อใต้หล้ากำลังรวมเป็นหนึ่ง มันจะปรากฏออกมา เปิดเผยนามมังกรของโอรสสวรรค์ที่แท้จริง ถึงจะฟังดูไม่มีมูลเท่าใด แต่ก็ได้ข่าวว่าเวลานั้นหานซูเสนาบดีฝ่ายซ้ายได้มอบภาพวาดนทีคัมภีร์ธาราออกมา จึงได้พบกับฮ่องเต้และได้เป็นขุนนาง แต่เมื่อห้าปีก่อน…”
“ห้าปีก่อนทำไมหรือ” อาคันตุกะเพ่งสมาธิ ทางหนึ่งฟังเสียงพึมพำงึมงำของเถ้าแก่โรงเตี๊ยม ทางหนึ่งก็ฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกหน้าต่าง กลางหิมะที่พัดพลิ้วลอยละลิ่วมีเงาคนสีดำกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าจากตำบลค่งหม่ามาทางโรงเตี๊ยมพักแรมแห่งนี้
“ห้าปีก่อนแม่ทัพลู่กับเสนาบดีฝ่ายขวาต้องโทษประหาร นักรบอาชาพยัคฆ์เผ่นของแม่ทัพลู่กับดวงตาจิตรกรรมของเสนาบดีฝ่ายขวาก็สูญหายไปนับแต่นั้น หน่วยองครักษ์อวี่หลิงก็ถูกยุบหลังอดีตฮองเฮาสวรรคต ได้ยินว่าภาพวาดนทีคัมภีร์ธาราก็หายไปด้วย ท่านว่านี่ไม่ใช่ลางบอกเหตุหรอกหรือ”
“เถ้าแก่ ท่านเชื่อจริงหรือว่ามีของวิเศษห้าอย่างนั้น” อาคันตุกะหันจากหน้าต่างมายิ้มให้
“ทีแรกข้าไม่เชื่อ แต่…เมื่อสิบแปดปีก่อนที่เขาหลางหยา ข้าได้เห็นนักรบอาชาพยัคฆ์เผ่นมากับตา แล้วก็เคยเห็นดาบสะบั้นเศียรมังกร เช่นนั้นที่เหลืออีกสามอย่างจะไม่จริงได้อย่างไร”
ภายนอกโรงเตี๊ยมหิมะลูกใหญ่พลัดกระจาย ลมหนาวพัดผ่าน อาคันตุกะนิ่งคิดอยู่เป็นนานก็พยักหน้า
“ในเมื่อของวิเศษห้าอย่างปรากฏตัวต่อผู้ชอบธรรม เร้นหายต่อผู้มิชอบธรรม ฮ่องเต้ในตอนนี้ประหารขุนนางสุจริต เชื่อฟังคำคนต่ำช้า นับเป็นกษัตริย์ที่ไร้ปรีชา ของวิเศษย่อมเลือกนายคนใหม่เป็นธรรมดา”
เถ้าแก่ก็พยักหน้าคล้อยตาม พลันฟาดฝ่ามือฉาดเมื่อนึกอะไรได้ “อ๊า ความจำข้านี่ก็เหลือเกิน! เมื่อครู่พูดถึงเขาหลางหยากับท่าน ข้าเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสี่ปีก่อนที่เชิงเขาหลางหยา ทหารรักษาการณ์เคยสู้สงครามย่อมๆ กับชาวหูทางชายแดนเหนือ ทหารทั้งกองรอดตายมาแค่นายเดียว เขาลากขาหักๆ คลานมาพักฟื้นที่โรงเตี๊ยมของข้านานถึงหนึ่งเดือนกว่า เด็กผู้นั้นเหมือนจะแซ่ลู่”
ขณะนึกถึงภาพในวันนั้น เถ้าแก่ก็ความคิดแล่นเตลิด “เด็กนั่นก็ดวงแข็งจริงๆ ที่ค่งหม่าไม่ชุบเลี้ยงทหารว่างงาน ทหารบาดเจ็บมากมายพอเสียขาจากพิษความเย็นก็ปลิดชีพตนเอง คนที่คลานกลับมาจากท่ามกลางหิมะแล้วรักษาอาการจนหายก็มีเขานี่ล่ะเป็นคนแรก”
เวลานี้ประตูโรงเตี๊ยมถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง หอบเอาลมหิมะเข้ามา นักรบสวมชุดทหารมีระเบียบเรียบร้อยผู้หนึ่งก็มายืนที่ประตู โค้งคำนับอย่างใหญ่โตให้นักเดินทางชุดดำ “ฝ่าบาท”
“ฝะ…ฝ่าบาท?” เถ้าแก่พรวดพราดยืนขึ้น
คนชุดดำเผยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังหันมาถอดหมวกที่แต่เดิมคลุมศีรษะอยู่ออก สายเงินสองเส้นแกว่งอยู่ที่หน้าผาก ใต้ชุดคลุมคือชุดผ้าแพรต่วนสีดำปักดิ้นทอง เถ้าแก่เคลื่อนสายตาลงต่ำก็เห็นดาบซึ่งคาดอยู่ที่เอวของเขา งานฝีมือแบบทางเหนือ ฝักดาบเป็นทองคำบริสุทธิ์ หลอมจากหินเหล็กสวรรค์ สามารถตัดเศียรมังกรได้
“กระหม่อมถะ…ถวายบังคมฝ่าบาท” เขาตัวสั่นงันงก ตั้งท่าจะคุกเข่าให้อีกฝ่าย นึกถึงคำพูดอุกอาจต่างๆ ที่ได้กล่าวไปเมื่อครู่ หยาดเหงื่อบนหน้าผากก็ไหลลงมา
คนชุดดำกลับประคองเขาไว้ก่อนที่เถ้าแก่จะงอขาไม้เทียมพลางเอ่ยว่า “ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว ท่านแค่ต้องจำไว้ว่าเมื่อครู่นี้ท่านกับเราเพียงดื่มสุราเท่านั้น”
เถ้าแก่รีบพยักหน้าต่อเนื่อง
คนชุดดำหรือก็คือฮ่องเต้ของราชวงศ์ต้าลี่หันกายไปส่งสัญญาณมือให้ทหารที่ประตู
“บุตรชายกำพร้าของแม่ทัพลู่ยังไม่ตาย เขาอยู่ที่นี่จริงๆ ถ่ายทอดคำสั่ง ให้นายทัพทหารรักษาการณ์เปิดประตูเมือง”
เสียงสัญญาณดังขึ้นจากที่ไกล จากนั้นประตูเมืองก็เปิดออก
ชายชุดดำลุกขึ้น พยักหน้าเล็กน้อยให้เถ้าแก่ “สุราฤทธิ์แรงของโม่เป่ยสมคำเล่าลือ เหมือนที่เราเคยดื่มเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่มีผิด”
เถ้าแก่ใช้สายตามองส่งโอรสสวรรค์ที่ลือกันว่าใช้ชีวิตครึ่งแรกไปกับการพิชิตใต้หล้า แต่พอขึ้นครองราชย์ก็กระทำการโง่เขลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนออกนอกโรงเตี๊ยม และเดินเข้าไปในพายุหิมะที่ปกคลุมทั่วแผ่นดินผืนฟ้า อีกฝ่ายเพิ่งจะอายุย่างเข้าสี่สิบ ขมับกลับมีเกศาหงอกขาว ที่ทำให้เถ้าแก่ตกใจยิ่งกว่าคือบนใบหน้าที่ยังคงรูปงามใต้หมวกคลุม แววตาคู่นั้นกลับว่างเปล่าไร้ประกาย ไม่มีจุดศูนย์รวม
ฮ่องเต้ของต้าลี่พระเนตรบอดทั้งสองข้าง
เถ้าแก่ตะลึงงันที่หน้าประตูอยู่เป็นนาน ค่อยนึกได้ว่าต้องปิดประตูโรงเตี๊ยม บัดนี้พายุหิมะพัดเข้ามาเต็มห้องโถงแล้ว เมื่อเขาหันไปก็เห็นว่าบนโต๊ะมีแหวนน้าวหยกวางอยู่ นั่นเป็นของที่คนชุดดำเมื่อครู่ทิ้งไว้ให้เป็นค่าสุราแทนทองก้อน