บทที่ 1-1 แต่งงานกับพญายม
‘ความรักที่เขามีต่อนางคือความลับที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดในบันทึกประวัติศาสตร์’
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในกลางฤดูหนาวของรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด
แคว้นต้าลี่ก่อตั้งมายาวนานถึงสิบเอ็ดปี แต่เหล่าวีรชนที่ยุติกลียุคหากไม่ตายอย่างอนาถก็กลายเป็นที่ยกย่องบูชาในสุสานบรรพชนหลวงเพราะคดีที่ไม่เป็นธรรมเมื่อห้าปีก่อน เหลือไว้เพียงตำนานเล่าขานต่างๆ ที่ถูกร้อยเรียงเป็นนิทานมุขปาฐะ แพร่สะพัดไปทั่วแดนดิน
หนึ่งในเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้กันก็คือในเหตุการณ์หายนะครั้งนั้น มีคนสองคนที่แต่เดิมไม่น่ามีชีวิตอยู่ ทว่าพวกเขากลับรอดชีวิตมาได้และได้เผชิญความพลิกผัน รวมถึงกลับมาพบกันอีกครั้งในห้าปีให้หลัง
หลายปีต่อมาเมื่อซย่าชิงยวนจรดพู่กันรำลึกถึงความหลังในช่วงนั้นถึงได้พบว่านางไม่ได้รู้จักลู่หย่วนอย่างถ่องแท้ นางเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นเพียงเพื่อตอบข้อปริศนาที่รบกวนจิตใจนางมานาน
ปริศนาคือคดีความไม่เป็นธรรมยาวนานต่อเนื่องหลายสิบปีที่ลากเอาผู้คนมากมายเข้าไปเกี่ยวข้อง คำถามของปริศนากลับเป็นเพราะเหตุใดแต่ต้นจนจบขุนนางมากอำนาจที่ในตำราประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า ‘มักใหญ่ใฝ่สูงและโหดเหี้ยมอำมหิต’ อย่างลู่หย่วนถึงได้ไม่เคยปล่อยมือจากนางในช่วงเวลาที่การลอบสังหารบ้าระห่ำ จิตใจระส่ำระสาย
คำตอบที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่สุดและไร้เหตุผลที่สุดคือเขากับนางเคยรักกันมาก่อน
เรื่องในอดีตเหล่านี้เป็นความลับที่บริสุทธิ์ผุดผ่องที่สุดในบันทึกประวัติศาสตร์
1
ฤดูใบไม้ผลิรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ดในเมืองเจียงตู ปุยหลิวร่วงโปรยปราย
สำหรับซย่าชิงยวนแล้วเดิมทีนี่เป็นเช้าตรู่ที่สดชื่นแจ่มใส หากนางไม่ได้ไปชนเข้ากับคนผู้หนึ่งที่มุมถนนโดยไม่คาดคิด ทั้งยังชนจนทำภาพวังวสันต์* ที่ซ่อนไว้ในถุงผ้าร่วงกระจายเต็มพื้น ตอนนั้นนางยังไม่รู้ว่าชายที่หน้าตาภายนอกดูดีแต่ปากคอเราะรายผู้นี้ชื่อลู่หย่วน ไม่รู้ว่าตนเองเคยแอบชอบเขาข้างเดียวราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ แล้วก็ล้มป่วยหนักไปเงียบๆ หลังจากผิดหวังในความรัก เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ลืมเหตุการณ์ก่อนอายุสิบห้าปีไปจนสิ้น ยิ่งจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร
นางเหมือนกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง ฐานะและความจำล้วนถูกลบไปสิ้น หลงเหลือเพียงนิสัยเก่าๆ ที่ยากจะแก้ติดตัวมา อย่างเช่นนางเพียงถือพู่กันก็สามารถวาดภาพขุนเขา ลำน้ำ ผู้คน และสิ่งของได้ ทั้งยังชำนาญการลอกเลียนแบบภาพวาดมีชื่อเสียง
หลังถูกขับไล่ออกจากบ้านที่มาอาศัยเขาอยู่แล้ว นางก็อาศัยความสามารถนี้หาเลี้ยงปากท้อง ทำให้ไม่ถึงกับอดตาย
อีกตัวอย่างก็คือนางมักจะฝันถึงเรื่องเดิมๆ ในฝันมีคนผู้หนึ่งโอบกอดนางอยู่ในความมืดอย่างทะนุถนอมและให้ความสำคัญ ราวกับว่านางเป็นสิ่งของที่ล้ำค่าที่สุดในโลกหล้านี้
แม้ทุกครั้งหลังตื่นจากฝัน นางต้องคอยเตือนสติตนเองว่านั่นเป็นแค่ความฝัน มีเพียงต้องเชื่อว่านั่นคือฝันเท่านั้นนางจึงจะได้ไม่คาดหวังว่าเคยมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่คาดหวังก็จะได้ไม่ผิดหวัง ไม่ผิดหวังก็จะได้ใช้ชีวิตในวันข้างหน้าในแต่ละวันต่อไปได้
จนเมื่อคนที่สวมชุดทหารองครักษ์อวี่หลิงผู้นั้นปรากฏตัวขึ้นที่เจียงตู นางถึงได้ตระหนักว่าที่แท้ในห้าปีที่เหมือนฝันร้ายนี้ คนที่ฝังกลบเรื่องในอดีตไว้แล้วใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆ ไม่ได้มีแค่นางคนเดียว