ซย่าชิงยวนคร่ำครวญในใจอีกครั้ง นี่คือชีวิตที่ผีสางกลั่นแกล้งเช่นใดกัน นางคิดว่าเมื่อคืนนี้ถ้าไม่ตายใต้เงื้อมมือของคนสกุลซย่าก็ตายใต้เงื้อมมือคนผู้นั้น…ช้าก่อน เหตุใดคนผู้นั้นถึงส่งนางกลับจวนได้ราบรื่นเพียงนี้ อีกทั้งนางยังได้พักในห้องนอนแขกราวกับคนที่ไม่มีเรื่องราวใด อิงจากสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ท่านป้าของนางจะไม่ฉวยโอกาสสร้างเรื่องสักหน่อยหรอกหรือ
หรือว่าคนผู้นั้นไม่เพียงแต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการเมื่อคืน แต่ยังเป็นบุคคลที่กระทั่งท่านป้าของนางก็ยังไม่อาจตอแยด้วย
ซย่าชิงยวนผลักประตูเดินออกไป นางรั้งตัวสาวใช้ที่มารายงานเมื่อครู่นี้เอาไว้ “เมื่อคืนนี้ใครเป็นคนส่งข้ากลับมา”
สาวใช้นางนั้นกลับมองเลยไปเห็นคนที่อยู่สุดทางเดิน ก่อนจะส่ายหน้ารัวเป็นกลองป๋องแป๋ง แตกตื่นลนลานและวิ่งจากไป
เมื่อซย่าชิงยวนหันไปก็เห็นว่าในเงาของแดดยามเช้าที่สุดปลายทางเดินมีชายร่างสูงสวมชุดยาวดำสนิททั้งตัวกำลังยืนพิงเสาหลับอยู่
นอกระเบียงเป็นไผ่เขียวดงหนึ่ง เมื่อลมพัดผ่านใบไผ่ก็ส่งเสียงเสียดสีกัน ชายชุดดำผู้นั้นรวมเป็นหนึ่งกับป่าไผ่ มีเพียงใบหน้าที่เป็นสีหยกบริสุทธิ์ แนวคิ้วทั้งสองเฉียงขึ้น สีเข้มดั่งน้ำหมึก เป็นสีของปล้องไม้ไผ่
ซย่าชิงยวนนึกถึงที่เคยได้ยินเวลาทหารทางการดื่มสุราแล้วคุยเล่นกันก่อนหน้านี้ คนที่รบทัพจับศึกมานานในทะเลทรายจะชินกับการยืนหลับ สองคิ้วเขามุ่นเล็กน้อยราวกำลังฝันร้าย เป็นคนแปลกหน้าผู้นั้นเมื่อคืนนี้ หรือบางที…นับจากระดับความใกล้ชิดอย่างเมื่อคืนนี้ ตอนนี้อาจไม่นับเป็นคนแปลกหน้าแล้ว
ซย่าชิงยวนกระแอมกระไอสองที คนผู้นั้นลืมตาขึ้นในพลัน ราชสีห์มักจะกลบจิตสังหารไม่มิดเมื่อถูกปลุกให้ตื่น แววตานั้นเป็นแววตาที่ไร้ความรู้สึก นางถอยไปก้าวหนึ่งโดยไม่อาจควบคุม
ทว่าเมื่อเขาเห็นว่าเป็นนางก็เก็บจิตสังหารในดวงตากลับไป เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่อบอุ่นราวลมในวสันตฤดู “เมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่”
คราวนี้ซย่าชิงยวนถูกถามจนสะอึกไป นางกระแอมอีกสองสามที จึงค่อยเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าแดงฉาน
อีกฝ่ายยิ่งแย้มยิ้มอย่างมีความสุข “ดูท่าจะตกใจเสียแล้ว ต้องโทษข้า”
นางกำลังจะถามว่าเขาเป็นใคร อีกฝ่ายกลับเดินเข้ามาหานางช้าๆ ราวราชสีห์เดินเข้าหาเหยื่อ แพรไหมบนชุดสีดำสนิทสะท้อนแสงบาดตา เป็นครั้งแรกที่นางเห็นอย่างชัดเจนว่าบนนั้นใช้ไหมเงินปักตราประทับรูปมังกรมัจฉา หรือเรียกอีกอย่างว่าหมัวเจี๋ย ลวดลายที่ตกทอดมาจากชนต่างเผ่าทางแดนโม่ซี*
ในบรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ที่มียศเป็นขั้นของราชสำนักต้าลี่มีคนเพียงกลุ่มเดียวที่เสื้อผ้าจะใช้ตราเป็นรูปมังกรมัจฉา นั่นก็คือราชองครักษ์อวี่หลิงที่ทำงานรับผิดชอบคดีความร้ายแรงที่ขุนนางขั้นสามขึ้นไปเป็นผู้ก่อและมีหน้าที่ดูแลคุกหลวงโดยเฉพาะ นอกจากนั้นบนแถบกระดาษสีแดงในลานบ้านเมื่อวานนี้ก็เขียนไว้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าพระราชทานสมรสนางให้กับผู้บัญชาการองครักษ์อวี่หลิง คนผู้นี้คือลู่หย่วน
“ซย่าชิงยวน เป็นอย่างไรบ้าง ดูจากสีหน้าเจ้า ในที่สุดก็จำข้าได้แล้ว”
แสงสว่างยามเช้าทอเข้ามาในระเบียงทางเดินเป็นช่องๆ ทาทาบแสงสลัวและคลุมเครือลงบนร่างทั้งสอง ซย่าชิงยวนยังคงตะลึงเรื่องที่ตนได้หลับนอนกับคู่หมั้นที่เดิมทีมาจากตระกูลคู่แค้น
ลู่หย่วนกลับเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาถามนางว่า “ข้ารูปงามหรือไม่”
นางอ่านคนผู้นี้ไม่ออก ได้แต่บอกความจริงไป “รูปงามมาก”
“เจ้าชอบหรือไม่”
“อะไรนะ” ซย่าชิงยวนงงงันแล้ว
“ข้าอยากพูดว่าถ้าข้าไม่ใช่ลู่หย่วน เจ้าก็จะไม่รังเกียจข้าใช่หรือไม่” เขาก้มลงมา เห็นรอยจ้ำแดงที่ข้างคอนางซึ่งหลงเหลือจากเมื่อคืนก็อดสำลักและเบนสายตาออกไม่ได้
“แต่ท่านคือลู่หย่วน แล้วท่านก็รู้แต่แรกว่าข้าคือใคร เรื่องเมื่อคืนนี้ท่านก็มีส่วนเกี่ยวข้องใช่หรือไม่” นางจ้องเขาตรงๆ โดยไม่มีการปกปิดแม้แต่น้อย
ลู่หย่วนเผยสีหน้าแตกตื่นไปชั่วขณะ “ข้าสาบานได้ ตอนแรกข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะไปจุดธูปไหว้พระที่วัดจิ้งฮุ่ย แค่บังเอิญเจอกันเท่านั้น ข้าพบว่าธูปที่จุดในวิหารหลักมีปัญหาก็เลยตามเจ้าออกไป…”
พอพูดถึงตรงนี้เขาก็หยุดไป