“เช่นนั้นในเมื่อเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แล้วเหตุใดท่านต้องช่วย…” นางเถียงกลับอย่างลืมตัว แต่ก็หยุดปากในทันใด
แสงแดดยามเช้าทาบบนร่างเขา วันนี้เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ต้องอยู่ใกล้พอถึงจะเห็นว่าผิวบริเวณคอที่โผล่ออกมานอกปกเสื้อมีรอยฟันขบเหมือนจะชัดแต่ก็ไม่ชัด นางจำได้ว่าเมื่อวานตนเองกัดเขาไปจริงๆ และก็จำได้ว่าเขาบ่ากว้างเอวคอด ท่อนแขนกำยำเปี่ยมพลัง เป็นร่างกายและหุ่นอย่างคนที่ออกรบมาเป็นเวลานานปี
ความทรงจำตอนที่ได้ ‘สนิทชิดใกล้กัน’ เมื่อวานนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้านางเหมือนโคมฉายภาพ แม้ตอนนี้เขาจะสวมเสื้อผ้าปกปิดมิดชิด แต่ก็ห้ามนางให้คิดเลื่อนเปื้อนไปเรื่อยไม่ได้
“ที่จริงแล้ว…เมื่อคืนนี้พวกเราไม่ได้ แค่กๆ ทำเรื่องอย่างว่า” เขาเงยหน้ามองขึ้นฟ้า หัวข้อสนทนานี้ช่างน่ากระอักกระอ่วนเสียจริง
“ไม่ได้ทำ? ถะ…ถ้าเช่นนั้นพวกเรา?” นางไม่อยากจะเชื่อ
“ที่จริงพวกเรา…ทำสิ่งนั้นไปแล้ว แต่ว่าไม่ได้…ทำเช่นนั้น” เขาพูดซ้ำอีกรอบ จากนั้นก็ย้อนถามอย่างหัวเสีย “เจ้าเคยวาดภาพวังวสันต์มาก่อนไม่ใช่หรือ หรือที่เจ้ากับข้าได้ทำหรือไม่ได้ทำอันใดบ้าง…เจ้ารู้สึกเองไม่ได้เลย? หรือจะบอกว่าเจ้าลืมอีกแล้ว”
ซย่าชิงยวนยักไหล่ “ข้าลืมแล้ว จำได้เพียงว่าหลังยาออกฤทธิ์ ข้าต้องการเชิญชวนท่านร่วมหลับนอน ตอนแรกท่านไม่ตอบตกลง ภายหลังก็ครึ่งผลักไสครึ่งตอบสนอง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนจากรับเป็นรุก…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ลู่หย่วนก็เข้าไปปิดปากนาง พลางทำสีหน้าอย่างสำนึกเสียใจภายหลัง “ช่างเถอะ เหตุใดข้าจะต้องเอาเรื่องเจ้าเรื่องนี้ด้วย”
“ฉะนั้น…เมื่อคืนนี้ท่านก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นกับข้า หรือว่า…ท่านไม่สามารถ!” เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนี้ ซย่าชิงยวนก็ลอบยินดีในใจ ที่แท้ลู่หย่วนสู่ขอนางก็เพราะเหตุนี้ เขากลัวว่าเหล่าคุณหนูในเมืองหลวงจะรังเกียจเขาก็เลยเสาะหาคนเพียงผู้เดียวในแผ่นดินที่ไม่กล้ารังเกียจเขา…ทายาทกำพร้าสกุลซย่าที่มีชีวิตราวกับมุสิกข้างถนน
ชั่วครู่หนึ่งซย่าชิงยวนก็เห็นว่าสีหน้าลู่หย่วนทอแววสงสารเห็นใจ
“ข้าสามารถหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้” ลู่หย่วนไม่สนใจนางอีก เขาหันหลังเดินจากไป
“แล้วเหตุใดท่านถึง…” นางเพิ่งจะถามคำนี้ออกไป ในใจก็สั่นสะท้าน และนึกถึงคำตอบที่เป็นไปไม่ได้แต่ก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง
ลู่หย่วนดั้นด้นเดินทางเป็นพันหลี่เพื่อตามหานาง เผอิญเจอนางที่ตลาดข้างทาง ยื่นมือเข้าช่วยเหลือที่วัดโบราณแล้วยังทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อสู่ขอนาง ทว่าไม่ได้ฉวยโอกาสซ้ำเติมในสถานการณ์ที่เหมาะแก่การลงมือที่สุด บางที…เขาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่นางคิด เพียงแต่คำตอบนี้ออกจะเหลวไหลเกินไปหน่อย แม้แต่นางเองยังเชื่อไม่ลง
“ลู่หย่วน ท่านคงไม่ได้…” นางพูดไม่จบก็กลืนคำกลับไป
ลู่หย่วนไม่เกลียดนาง นี่จะเป็นไปได้อย่างไร
แสงแดดยามเช้าทาบบนอาภรณ์สีดำมืดมิดของลู่หย่วน ความสว่างไสวล้วนถูกดูดกลืน อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความคิดนาง เขาจึงหยุดฝีเท้าลง ยืนนิ่งหันหลังให้นาง
“รีบไปเตรียมตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย พิธีแต่งงานจะเริ่มในอีกสองชั่วยามให้หลัง”